โบรกฯเชียร์"ซื้อ" BANPU รับราคาถ่านหินนิวไฮรอบ 4 ปีหนุนกำไรปี 60 โตกระโดด,มี Upside โรงไฟฟ้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 7, 2016 15:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.บ้านปู (BANPU) รับผลบวกราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นในปัจจุบันและทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ปี จะช่วยผลักดันให้กำไรปี 60 เติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญจากปีนี้ แม้ว่าจะมีต้นทุนการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้นบ้างในปีหน้า แต่การปรับตัวขึ้นของต้นทุนยังน้อยกว่าราคาถ่านหิน ขณะที่ยังจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้ายังเข้ามาต่อเนื่องราวปีละ 4 พันล้านบาท ผนวกกับภาระดอกเบี้ยจ่ายที่จะลดลง หลังนำเงินที่ บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ชำระหนี้คืนไปจ่ายคืนหนี้กับสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ยังมองว่า BANPU มี Upside จากการโครงการโซลาร์ฟาร์มในจีนกำลังผลิต 90 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหินซานซีลู่กวง ในจีน ขนาด 1,200 เมกะวัตต์ ที่กลุ่มบริษัทถือหุ้น 30% จะเริ่มรับรู้ในปี 60-61 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นในขณะนี้จะยังไม่สะท้อนต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 นี้ เพราะส่วนใหญ่เป็นการขายถ่านหินที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ BANPU กำลังอยู่ในช่วงทำสัญญาในการขายถ่านหินล่วงหน้าของปี 60 ซึ่งก็จะได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินในปัจจุบัน

ราคาหุ้น BANPU พักเที่ยงอยู่ที่ 19.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท (+4.17%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 1.14%

          โบรกเกอร์                    คำแนะนำ                    ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          แอพเพิล เวลธ์                 ซื้อ                              24.00
          คันทรี่ กรุ๊ป                    ซื้อ                              26.25
          ทิสโก้                        ซื้อ                              23.00
          โกลเบล็ก                     ซื้อ                              21.75
          เคทีบี                        ซื้อ                              23.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ              Trading Buy                     22.20

นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นราว 130% นับตั้งแต่ต้นปีนี้จะเป็นปัจจัยหลักที่หนุนผลดำเนินงาน BANPU ให้ปรับขึ้นโดดเด่นในปีหน้า เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะมีกำไรสุทธิในปี 60 ราว 9 พันล้านบาท เติบโต 690% จากราว 1.2 พันล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากคาดว่าราคาขายถ่านหินของ BANPU จะเพิ่มขึ้นประมาณ 50% จากราว 46 เหรียญสหรัฐ/ตันในปีนี้ ขณะที่ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นเพียง 15-20% จาก 43 เหรียญสหรัฐ/ตันในปีนี้เท่านั้น

สำหรับราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นขณะนี้เป็นผลจากการที่จีนทยอยปิดเหมืองถ่านหินขนาดเล็กที่ไม่ได้มาตรฐานราว 115 เหมืองต่อปี และปรับลดจำนวนวันทำงานของเหมืองถ่านหินลงจาก 330 วันเหลือ 276 วันเพื่อลดอุปทานในตลาด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาถ่านหินน่าจะยังยืนอยู่ได้ในระยะสั้นถึงกลาง แต่ระยะยาว 1 ปีขึ้นไปยังต้องขึ้นกับหลายปัจจัยทั้งราคาน้ำมัน ,นโยบายของจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ ทำให้ยังไม่สามารถประเมินทิศทางราคาได้

นอกจากนี้ BANPU ยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ BPP นำเงินจากการขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) มาชำระคืนหนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ทาง BANPU ก็จะนำไปชำระคืนหนี้อีกต่อหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ลดภาระจ่ายดอกเบี้ยได้ราว 600-800 ล้านบาท/ปี ช่วยหนุนกำไรสุทธิ ขณะที่ผลประกอบการของธุรกิจไฟฟ้าจะยังคงทรงตัวไม่โดดเด่นมากนัก

"ผลกำไรของ BANPU ในปีหน้าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญผลักดันจากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นมาในขณะนี้ ที่ BANPU จะมีการทำราคาขายถ่านหินสำหรับปีหน้าบางส่วน ทำให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของ BANPU ในปีหน้าน่าจะปรับขึ้นได้ราว 50% ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 15-20% ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่น้อยกว่าราคาขายถ่านหินมาก"นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าว

บทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่าราคาถ่านหิน NEX ที่ผ่านมายังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันแตะระดับ 115 เหรียญสหรัฐ/ตัน เป็นผลจากนโยบายการจำกัดปริมาณการผลิตถ่านหินในจีนตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้ปริมาณการผลิตถ่านหินของจีนในรอบ 8 เดือนแรกปีนี้ลดลงไปราว 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้แนวโน้มการผลิตในจีนจะฟื้นตัวขึ้นในเดือน ต.ค.จากการงดเว้นข้อจำกัดวันทำงานในเหมืองบางแห่งที่มีประสิทธิภาพการผลิตสูง แต่ระดับปริมาณสต็อกถ่านหินในจีนยังอยู่ในระดับต่ำและความต้องใช้ถ่านหินที่เพิ่มขึ้นในฤดูหนาว ทำให้มองว่าความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้น 1-2 เดือนนี้จะช่วยดูดซับปริมาณผลผลิตที่จะทยอยเพิ่มขึ้นในช่วงต่อจากนี้ได้

ขณะที่ BANPU จะสามารถทำสัญญาล็อกราคาถ่านหินล่วงหน้าสำหรับการขายในปีหน้าสำหรับระยะ 6 เดือน ได้สูงขึ้นกว่าปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ หลังเหมืองขนาดใหญ่ในออสเตรเลียอย่าง Glencore ได้ทำสัญญาล่วงหน้ากับ Tohoku โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นที่ 94.75 เหรียญสหรัฐ/ตันสำหรับถ่านหินที่มีค่าความร้อนราว 6,700 กิโลแคลอรี่/กิโลกรัม ซึ่งน่าจะทำให้ราคาขายเฉลี่ยของ BANPU โดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ขณะเดียวกันคาดว่าต้นทุนการผลิตต่อหน่วยจะเพิ่มขึ้นในระดับที่น้อยกว่าราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มความสามารถในการทำกำไรของเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียของ BANPU จะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า

ทั้งนี้ แม้บริษัทจะมีผลกระทบจากราคาถ่านหินบ้างผ่านการดำเนินธุรกิจในโรงไฟฟ้าถ่านหินในจีน ขนาด 243 เมกะวัตต์ แต่ด้วยสต็อกถ่านหินที่มีอยู่ และการปรับราคารับซื้อไฟของรัฐบาลที่อาจจะเกิดขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าทำให้มองว่าผลกระทบดังกล่าวค่อนข้างจำกัด

แนวโน้มกำไรของ BANPU จะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุผลหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยในเหมืองอินโดนีเซียที่จะทยอยปรับตัวสูงขึ้นได้ตามราคาถ่านหินในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดว่า BANPU จะเริ่มรับผลประโยชน์จากราคาถ่านหินเต็มปีในปี 60 เป็นต้นไป แม้จะหักกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าที่คาดจะรับรู้ได้น้อยลงหลังการขายหุ้น IPO ของ BPP แต่ด้วยราคาถ่านหินที่สูงขึ้นจะทำให้กำไรปีหน้าฟื้นตัวได้อย่างก้าวกระโดดที่ระดับ 9.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 224% จากปีนี้

ด้านบทวิเคราะห์ บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุว่า การฟื้นตัวของราคาถ่านหิน NEX นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันที่ปรับตัวขึ้นกว่า 124% นับว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ถือเป็นปัจจัยบวกที่เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก ขณะที่ในช่วงไตรมาส 4 ยังได้แรงหนุนจากความต้องการใช้ถ่านหินที่เร่งตัวขึ้นจากโรงไฟฟ้าก่อนเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งก่อนหน้านี้โรงไฟฟ้าบางแห่งมีระดับสต็อกถ่านหินเหลือต่ำเพียงแค่ 12-13 วัน จึงทำให้มีความจำเป็นต้องเร่งสต็อกถ่านหินกันในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.

อีกทั้งในช่วงเวลาดังกล่าวของทุกปีจะเริ่มมีการทำสัญญาซื้อขายถ่านหินระหว่างเหมืองในประเทศออสเตรเลียกับโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น (JPU) สำหรับ 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งปกติทำปีละ 2 ครั้งในเดือน ต.ค. และเดือน เม.ย.โดยแนวโน้มราคารอบครึ่งปีแรกน่าจะอยู่ในระดับที่สูง อ้างอิงจากข้อมูลการทำสัญญาของผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ที่ราว 95 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเชื่อว่าสัญญาของ BANPU ที่ทำสำหรับเหมืองในออสเตรเลียก็ไม่น่าจะต่างไปจากนี้มากนัก

อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นมา ณ ขณะนี้ ยังไม่ส่งผลบวกต่อผลประกอบการครึ่งหลังปีนี้ ของ BANPU อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้ล็อกราคาขายถ่านหินไว้ล่วงหน้าเกือบทั้งหมด โดยเหมืองอินโดนีเซีย มีปริมาณถ่านที่แปรผันตาม Index และยังไม่ได้ล็อกราคาขายอยู่ประมาณ 20% ในแต่ละไตรมาส ขณะที่เหมืองออสเตรเลีย มีปริมาณถ่านที่แปรผันตาม Index และยังไม่ได้ล็อกราคาขายเพียงแค่ 8% ทำให้คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/59 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน และจะดีขึ้นต่อในไตรมาส 4/59 โดยคาดว่าปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิ 2.09 พันล้านบาท

ส่วนในปี 60 คาดกำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด 487% มาที่ระดับ 1.23 หมื่นล้านบาท จากการเข้าทำสัญญาซื้อขายถ่านหินปีหน้าที่ระดับสูง โดยให้สมมติฐานราคาถ่านหินที่ราว 70-75 เหรียญสหรัฐ/ตัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของต้นทุนเหมืองอินโดนีเซียนประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นจาก Strip Ratios และต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล รวมแล้วประมาณ 5-6 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากระดับ 43เหรียญสหรัฐ/ตันในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามาปีละประมาณ 4 พันล้านบาท รวมถึงภาระดอกเบี้ยจ่ายที่จะลดลง หลังได้เงินจากการเพิ่มทุนและ IPO ของ BPP เพื่อไปชำระหนี้จำนวน 1.29 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังเห็นว่า BANPU ยังมี Upside จากการโครงการโซลาร์ฟาร์มในจีนกำลังผลิต 90 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง ขนาด 1,200 เมกะวัตต์ ที่ถือหุ้น 30% ก็จะเริ่มรับรู้ในปี 60-61 ตามลำดับ


แท็ก (BANPU)   บ้านปู   UPS  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ