นายองอาจ ปัณฑุยากร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ออลล่า (ALLA) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจหุ้นของบริษัทที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรกในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) จะเหนือราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 2.88 บาท/หุ้น จากการที่บริษัทมีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีโอกาสที่จะเติบโตในอนาคต ขณะที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายคลังสินค้าและโรงงาน ทำให้สามารถรองรับงานที่กำลังจะเข้ามาเพิ่มขึ้นในอนาคตข้างหน้า
ทั้งนี้ การที่บริษัทนำเงินจากการระดมทุนไปลงทุนต่อยอดทำให้สามารถรับงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะสร้างผลประกอบการให้เติบโตขึ้นระยะยาว และมีผลตอบแทนที่ดี
การเปิดจองซื้อหุ้น IPO ของบริษัทที่ผ่านมา พบว่านักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีนักลงทุนจากทั่วประเทศได้ให้ความสนใจจองซื้อหุ้น IPO เป็นจำนวนมากกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งสิ้น 150 ล้านหุ้น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น คือ ความแข็งแกร่งของบริษัท และองค์ประกอบของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์เป็นผู้ผลิต จำหน่าย และติดตั้งอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดอุปกรณ์ และสินค้าในโรงงานอุตสาหกรรม และคลังสินค้าต่าง ๆ ซึ่งขยายตัวตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในประเทศที่เติบโตอยู่ตลอดเวลา
“ALLA เป็นหุ้น IPO ที่มีความน่าสนใจ จากพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเหล็ก วัสดุก่อสร้าง รวมไปถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งเรายังมองเห็นถึงโอกาสในการขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง อีกทั้งเราอยากให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า ผมที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะไม่ทิ้งหุ้นอย่างแน่นอน ผมมั่นใจในตัวบริษัทอย่างมาก ตอนนี้หุ้นที่ยังถืออยู่ 75% ก็ยังอยู่ใน TSD"นายองอาจ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 60 บริษัทคาดว่าจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้อีกครั้ง เนื่องจากแนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้างงานต่าง ๆ จะมีมากขึ้นกว่าปีนี้ โดยเฉพาะงานการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและงานในกลุ่มปิโตรเคมี ที่จะมีออกมามากขึ้น โดยบริษัทจะหันไปรุกการประมูลและรับงานใน 2 กลุ่มนี้มากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและกระจายรายได้ของธุรกิจ จากปัจจุบันบริษัทมีรายได้หลักมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง 23.5% กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก 21% และกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ 3.12%
อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานในการจำหน่ายเครนให้กับโครงการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลของบมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ส่วนงานในกลุ่มปิโตรเคมีคาดว่าจะมีการประมูลเข้ามาเรื่อย ๆ โดยมีมูลค่าเฉลี่ยโครงการละ 30-40 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทจะเข้าไปประมูลงานจำหน่ายเครนในส่วนของงานรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ โดยใช้บริษัทลูก ซึ่งคาดหวังจะได้รับงานในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีเขียวเพิ่มเติม
ส่วนการขยายงานไปยังต่างประเทศนั้นบริษัทได้เริ่มไปรับงานที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยเจาะไปที่กลุ่มลูกค้าผู้ผลิตรถยนต์ก่อน เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศอินโดนีเซียเติบโตอย่างมาก ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทในการเข้าไปเริ่มต้น และจะเซ็นสัญญากับพันธมิตรในอินโดนีซียในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ส่วนการขยายไปประเทศอื่น ๆ นั้นยังอยู่ระหว่างการศึกษา แต่จะเน้นในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นหลัก
อนึ่ง ALLA ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิต จำหน่าย และติดตั้งอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม อาทิ เครนและรอกไฟฟ้า โดยบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทยสำหรับเครนและรอกไฟฟ้ายี่ห้อ STAHL และ ABUS ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตเครนและรอกกันระเบิดมาตรฐานสากลจากประเทศเยอรมนี
รวมั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายสะพานปรับระดับประตูอุตสาหกรรม ม่านริ้วพีวีซีและม่านตัดอากาศ มีลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ โรงไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์ ขนส่ง และอาหาร เป็นต้น บริษัทยังให้บริการหลังการขาย และศูนย์ฝึกอบรมผู้ใช้เครนด้วย