(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบคล้ายภูมิภาค รอดูผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 8, 2016 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรศักดิ์ ธนวรากุล นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคด้านตลาดทุน บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย โดยตลาดบ้านเรามีลุ้นที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อในช่วงสั้น โดยมีแนวต้านที่ 1,510-1,515 จุด แต่ก็อาจเจอแรงขายกำไรได้เช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนยังต้องการที่จะรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯก่อน

แม้ว่าทางสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) จะยืนยันว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ไม่มีความผิดทางคดีอาญา แต่ก็ยังไม่ได้ยืนยันว่า"ฮิลลารี"จะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ดังนั้นจึงต้องรอดูผลการเลือกตั้งจริงออกมาก่อน เพราะผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯที่ออกมาจะมีผลต่อทิศทางตลาดฯทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

อย่างไรก็ดี หาก"ฮิลลารี"ชนะการเลือกตั้งขึ้นมาจริง ก็มองว่าตลาดบ้านเรามี gap เหลือไม่มากแล้วที่จะปรับตัวขึ้นไป ส่วนปัจจัยในประเทศก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

พร้อมให้แนวรับ 1,495 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,259.60 จุด พุ่งขึ้น 371.32 จุด (+2.08%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,166.17 จุด พุ่งขึ้น 119.80 จุด (+2.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,131.52 จุด เพิ่มขึ้น 46.34 จุด (+22%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 65.49 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 180.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 25.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.98 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.96 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.85 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 พ.ย.59) 1,502.27 จุด เพิ่มขึ้น 16.57 จุด (+1.12%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 730.05ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 พ.ย.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 พ.ย.59) ปิดที่ 44.89 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 พ.ย.59) ที่ 8.07 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.99/35.01 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ รอติดตามผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบจากการเลือกตั้งสหรัฐฯต่อการส่งออกไทย กรณีฮิลลารีชนะการเลือกตั้งคาด ศก.โต 2.2% ดันส่งออกไทยไปสหรัฐฯ โต 2.5% ในทางกลับกันโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งศก.อาจโตเพียง 1.7% แนะธุรกิจรับมือใน 2 ทาง "การพัฒนาหลังปรับขึ้นดอกเบี้ยโจทย์ด้านคุณภาพและมาตรฐานการผลิตสินค้า"
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานมูลค่าการใช้บัตรพลาสติก (เอทีเอ็ม เดบิต และเครดิต) เพื่อการชำระเงินทั่วประเทศ ณ สิ้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีมูลค่ารวม 1.184 ล้านล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน แต่ในรายละเอียดกลับพบว่า 1) บัตรเอทีเอ็ม มีการถอนเงินสดและใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ มีมูลค่ารวม 1.12 แสนล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่ 1.14 แสนล้านบาท ลดลงถึง 3.2 หมื่นล้านบาท หรือ 22.2%
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุม กบง.มีมติให้คงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เดือนพ.ย.59 ไว้ที่ 20.29 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อไม่ให้กระทบค่าครองชีพประชาชน แม้ว่าราคาต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากในประเทศและต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น 15 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือคิดเป็นเงินบาทอยู่ที่ 0.6521 บาทต่อกิโลกรัม และทำให้ราคาเนื้อก๊าซเพิ่มเป็น 13.65 บาทต่อกิโลกรัม ด้วยต้นทุนที่เพิ่มดังกล่าว กบง.จึงมีมติเห็นควรให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีแอลพีจีเข้ารับภาระชดเชยทั้งหมด 0.6521 บาทต่อกิโลกรัม แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯอยู่แล้ว 0.3211 บาทต่อกิโลกรัม จึงกำหนดให้กองทุนน้ำมันฯเข้ารับภาระชดเชยจริงจำนวน 0.3310 บาทต่อกิโลกรัม โดยมติ กบง.ดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้วันที่ 8 พฤศจิกายนนี้
  • รฟม.เผย 2 เอกชน BEM และ กลุ่ม BTSSTEC-RATCH เข้ายื่นซองชิงรถไฟฟ้าสายชมพู-เหลือง ดีเดย์นัดเปิดซองข้อเสนอ ในวันที่ 17 พ.ย.นี้ BEN คาดปี 60 รายได้พุ่ง 40%
  • สสว.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคการค้า-บริการเดือนก.ย.59 พบปรับตัวลดลง เหตุประชาชนระมัดระวังใช้จ่าย และปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกและไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • ALLA (บมจ.ออลล่า) เทรดวันนี้วันแรก สังกัดหมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร บนกระดานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยเสนอขาย IPO 2.88 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาพื้นฐานปีหน้า 3.80 บาท (PE 16 เท่า) คาดกำไรปีนี้ -42.4% ตามภาวะอุตสาหกรรมที่ซบเซาและมีงานในตลาดน้อย แต่คาดกำไรปี 2017 +142.8% จากฐานต่ำปีนี้และการลงทุนที่ฟื้นโดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง โรงไฟฟ้า

บมจ.ออลล่า เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครนและรอกไฟฟ้า สะพานปรับระดับและประตูอุตสาหกรรม ม่านริ้วพีวีซีและม่านตัดอากาศ ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมหนัก เช่น ยานยนต์ เหล็ก โรงไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง ค้าปลีก

  • CK (ไอร่า) เป้า 37.50 บาท ยังมีประเด็นความน่าสนใจจาก ระดับ Backlog ที่แข็งแกร่ง ทั้งจากงานใหม่ที่รับเข้ามาในช่วง 8M/59 มูลค่ารวม 24,145 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างรอลงนามอีก 1 โครงการ มูลค่าอีกประมาณ 25,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้งานเพิ่มในปี 59 สูงถึง 49,000 ล้านบาท และคาดทำให้ระดับ Backlog สิ้นปี 59 ไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท และยังมีแผนเข้าร่วมประมูลงานที่คาดทยอยออกมาต่อเนื่องถึง 1H/60 มูลค่ารวมประมาณ 370,000 ล้านบาท โดย CK คาดได้เพิ่ม 20-25% หรือไม่ต่ำกว่า 75,000 ล้านบาท ทำให้คาด Backlog ยังมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง
  • SYNTEC (โกลเบล็ก) เป้า 5.10 บาท คาดกำไร 3Q59 อยู่ที่ราว 257 ล้านบาท +11YoY และ+32%QoQ โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากการก่อสร้างที่คาดว่าจะเติบโต 6%QoQ และอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวในระดับสูงที่ 17 % และมีการโอนกลับหนี้สงสัยจะสูญอีกราว 30-40 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการก่อสร้างคาดว่าจะอยู่ที่ 1.86 พันล้านบาทเติบโต 6%QoQ และรายได้จากการให้บริการห้องพักคาดว่าจะเติบโต 50%QoQ สู่ระดับ 120 ล้านบาทเนื่องจากคาดว่ารับรู้รายได้จาก The 8 Thonglor พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรเพิ่ม 33% สู่ 846 ล้านบาท เนื่องจากการพัฒนาของอัตรากำไรขั้นต้นจากฐานเดิมที่ 12-13% สู่ระดับ 17-18% (ยังไม่รวมมีสินทรัพย์แฝงมูลค่าราว 600 ล้านบาทหรือคิดเป็นมูลค่า 0.5 บาทต่อหุ้น)
  • HANA (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดรายงานกำไรไตรมาส 3/59 แข็งแกร่งขึ้น QoQ จากากรเข้าสู่ high season ทั้งนี้แรงกดดันจากการหดตัวของคำสั่งซื้อที่เกี่ยวกับ PC/Laptop น่าจะหมดไปแล้ว ขณะที่สัดส่วนรายได้จาก IC ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องน่าจะส่งแรงฉุดที่ดีต่อกำไร อีกทั้งคาดการจ่ายปันผลระหว่างกาล 1.0 บาท หลังงบไตรมาสนี้ ช่วยหนุนราคาหุ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ