BSBM ร่วง 4.79% "ขายล็อคกำไร"หลังงบฯ Q3/59 ออกมา Turnaround ตามคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 8, 2016 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น BSBM ราคาร่วงลง 4.79% มาอยู่ที่ 1.39 บาท ลดลง 0.07 บาท มูลค่าซื้อขาย 8.40 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.22 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.43 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.43 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.39 บาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ บมจ.บางสะพานบาร์มิล (BSBM) งบฯออกแล้ว Turnaround ตามคาด อาจพิจารณา"ขายล๊อกกำไร" ขณะที่หุ้นกลุ่มเหล็ก ประเมินดีมานด์เหล็กในประเทศ (โดยเฉพาะเหล็กแท่ง) จะเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อปริมาณขายและแนวโน้มราคาเหล็กในประเทศ

ทั้งนี้ BSBM แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/59 มีกำไรสุทธิ 31.89 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.03 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 21.16 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.02 บาท

พร้อมอธิบายว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาส 3/59 จำนวน 373.6 ล้านบาท ลดลง 35.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากการลดลงของปริมาณการขายจากความต้องการเหล็กในประเทศที่ลดต่ำลงจากสถานการณ์ราคาเหล็กโลกที่เริ่มชะลอตัว อีกทั้งธุรกิจก่อสร้างที่ลดน้อยลงในช่วงฤดูฝนโดยในไตรมาส 3/59 บริษัทมีปริมาณการขายทั้งสิ้น 23,730 ตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 39% ในขณะเดียวกันราคาขายเฉลี่ยต่อตันก็มีแนวโน้มที่ลดลง ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาดและแนวโน้มของราคาเหล็กโลก

ในไตรมาส 3/59 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น คิดเป็น 12.8% เพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1.5% ทั้งนี้เป็นผลมาจากส่วนต่างระหว่างราคาขายกับต้นทุนวัตถุดิบหลัก-บิลเล็ต(Metal spread) ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งต้นทุนของบิลเล็ตนี้มีสัดส่วนสูงถึงประมาณ 85-90% ของต้นทุนขาย ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างดังกล่าวจึงมีผลอย่างมากต่ออัตรากำไรขั้นต้น ทั้งนี้ Metal spread ในไตรมาส 3/59 เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเฉลี่ยตันละ 1,688 บาท

ค่าใช้จ่ายในการขายในไตรมาส 3/59 และปี 58 มีจำนวนเท่ากับ 7.3 ล้านบาท และ 13.7 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายส่วนใหญ่เป็นค่าขนส่งสินค้า จึงเป็นสัดส่วนที่แปรผันโดยตรงต่อยอดขายในอัตราประมาณ 2-2.5% ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารส่วนใหญ่เกี่ยวกับพนักงานมียอดเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพียงเล็กน้อย

ในไตรมาส 3/59 บริษัทฯมีรายได้ค่าชดเชยรับจากผู้ผลิตจากการยกเลิกการขายวัตถุดิบเป็นจำนวนเงิน 5.4 ล้านบาทและมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 0.015 ล้านบาท ในขณะที่ในช่วงเดียวกันของปีก่อนบริษัทฯมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 12.3 ล้านบาท จากผลข้างต้น เมื่อหักต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายทางภาษีแล้ว ทำให้บริษัทฯมีผลการดำเนินงานเป็นกำไรสุทธิจำนวน 31.9 ล้านบาทเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิจำนวน 21.2 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ