โบรกฯเชียร์"ซื้อ" STA เล็งกำไรปีนี้เติบโตหลังราคายางพาราฟื้น, Valuation ยังถูกต่ำกว่า BV

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 8, 2016 16:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) จากราคายางพาราที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากภัยแล้งในปีนี้ส่งผลต่อปริมาณการผลิต และผู้ประกอบการธุรกิจยางพาราปิดกิจการไปบ้าง เหตุผลอีกส่วนมาจากราคายางสังเคราะห์พุ่งขึ้น ทำให้ผู้ผลิตยางรถยนต์หันมาเพิ่มปริมาณยางพารามาในส่วนผสมทดแทนยางสังเคราะห์ที่ราคาแพง

นอกจากนี้ คาดว่าอุปสงค์ยางรถยนต์จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4% ในช่วงปี 59-64 เนื่องจากเป็นช่วงที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่หลังจากที่ยอดขายรถยนต์พุ่งกระฉูดในปี 53 รวมถึง STA ยังสามารถทำก่าไรได้ดีแม้ในช่วงที่ธุรกิจอยู่ในขาลง โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 4%

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ STA ในปีนี้ จะอยู่ในช่วง 1,313-1,401 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,118 ล้านบาท เป็นผลจากปริมาณขายที่ดีขึ้นจากที่ได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นหลังผู้ประกอบการบางรายปิดไป ขณะที่ยังมีมาร์จิ้นที่ดีขึ้นด้วย จากราคายางพาราที่สูงขึ้น และ หากราคายางพารายังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็อาจทำให้นักวิเคราะห์ฯปรับประมาณการขึ้นในอนาคตได้เช่นกัน

สำหรับ Valuation ของ STA ในปัจจุบันก็ถือว่ายังถูก เพราะราคาปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value:BV) ที่ 17 บาท/หุ้น

ราคาหุ้น STA ล่าสุดอยู่ที่ 14.50 บาท เมื่อเวลา 10.01 น. เพิ่มขึ้น 0.40 บาท (+2.84%)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          กรุงศรี                          ซื้อ                   17.00
          ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)            ซื้อ                   15.10
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)               ซื้อ                   14.20
          น.ส.นารี อภิเศวตกานต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทคาดการณ์กำไรสุทธิของ STA ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,313 ล้านบาท เติบโต 17% จากปีที่แล้ว โดยมาจากปริมาณขายที่ดีขึ้นจากที่ได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นหลังผู้ประกอบการบางรายปิดกิจการเพราะภาวะอุตสาหกรรมไม่ดีก่อนหน้านี้ ขณะที่ STA ยังได้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ที่ดีขึ้นจากราคายางพาราที่สูงขึ้นด้วย
          สำหรับราคายางพาราปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งอาจมาจากภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปีนี้ทำให้มีผลต่อปริมาณการผลิตของตลาด ขณะที่ยังมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามา โดยลูกค้ารายใหญ่ก็ยังคงเป็นจีน อีกทั้งผู้ประกอบการธุรกิจยางพาราก็มีปิดกิจการไปบ้าง จึงทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมยางพาราดูดีขึ้น
          อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทแนะนำให้"ซื้อ"หุ้น STA ไปแล้ว และระดับราคาหุ้นก็ได้ขยับขึ้นมาใกล้ราคาเป้าหมายที่ 14.20 บาท/หุ้น ทำให้ปัจจุบันเหลือเพียง"ถือ"ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาคาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการงวดไตรมาส 3/59 และงวดครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว
          ด้านนายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) มองว่า จากราคายางพาราที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงนอกฤดูกาลคือช่วงนี้ หลังจากราคายางสังเคราะห์พุ่งขึ้นมาก ทำให้ผู้ผลิตยางรถยนต์เพิ่มการนนำยางธรรมชาติเข้ามาผสมกับยางสังเคราะห์ในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้ราคายางพาราช่วงนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีตามราคายางสังเคราะห์
          พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 3/59 ของ STA จะออกมาดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 365 ล้านบาท เติบโต 5% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนทั้งปีคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,335 ล้านบาท เติบโต 19.4% จากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากราคายางพารายังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็อาจทำให้นักวิเคราะห์ฯปรับประมาณการในอนาคตได้เช่นกัน
          สำหรับ Valuation ของ STA ในปัจจุบันก็ถือว่ายังถูก เพราะราคาปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า Book Value ที่อยู่ระดับประมาณ 17 บาท
          ขณะที่บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น STA ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 17 บาท จากเดิม 14.2 บาท โดยมีมุมมองราคายางเข้าสู่ขาขึ้นแล้ว คาดว่าระดับสต็อกยางที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ท่าเรือ Qingdao ในจีน จะท่าให้เกิดการสะสมสต็อกรอบใหม่ และหนุนอุปสงค์ราคายางธรรมชาติ (Natural Rubber :NR)
          นอกจากนี้ คาดว่าอุปสงค์ยางรถยนต์จะโตเฉลี่ยปีละ 8.4% ในช่วงปี 2559-2564 เนื่องจากเป็นช่วงที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่หลังจากที่ยอดขายรถยนต์พุ่งกระฉูดในปี 53 รวมถึง STA ยังสามารถท่าก่าไรได้ดีแม้ในช่วงที่ธุรกิจอยู่ในขาลง โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 4%
          พร้อมปรับเพิ่มประมาณการก่าไรสุทธิปี 60 ขึ้นอีก 4% เพื่อสะท้อนมุมมองว่าราคายางธรรมชาติได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงขาลงที่ยาวนานถึง 6 ปีของตลาดยาง จนทำให้มีผู้ผลิตและผู้ค้าหลายรายที่อยู่ไม่รอด แต่ STA ยังสามารถค่อย ๆ เพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งตลาดได้จนถึงประมาณ 50-60% ของปริมาณการส่งออกยางแท่งของไทย ดังนั้น จึงเชื่อว่า STA จะได้อานิสงส์เต็มที่จากการที่ตลาดกลับเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้ง
          ทั้งนี้ ราคายางธรรมชาติ ได้ขยับเพิ่มขึ้นมาแล้ว 27% นับจากต้นปี เป็นระดับ 1.5 เหรียญสหรัฐ/กิโลกรัม และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากอุปสงค์ยางรถยนต์ที่แข็งแกร่งในช่วงปี 59-64 ตามยอดขายรถยนต์ที่พุ่งสูงขึ้นมาตั้งแต่ปี 53 ซึ่งก่าหนด 6 ปีที ต้องเปลี่ยนยางจะมาถึงในปี 59 ซึ่งจะช่วยให้อุปสงค์ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น
          โดยได้ปรับเพิ่มสมมติฐานราคายางตลาด SICOM TSR20 ปี 60 เป็น 1.65 เหรียญสหรัฐ/กิโลกรัม จาก 1.4 เหรียญสหรัฐ/กิโลกรัม แต่ปรับลดสมมติฐานกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงลง 21% เพื่อสะท้อนถึงมุมมองว่าราคายางธรรมชาติ กลับเข้าสู่ขาขึ้น และท่าให้ปรับเพิ่มประมาณการก่าไรสุทธิปี 60 ขึ้นอีก 4% เป็น 1,562 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปี 59 อยู่ที่ 1,401 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ