บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า นายวิทิต ลีนุตพงษ์ ได้แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่ง ประธานกรรมการเอไอเอส กับคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 เนื่องจากติดภาระหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการบริหารบริษัทไทยยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัว แต่ยังดำรงตำแหน่งกรรมการของบมจ.อินทัช (INTUCH) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอไอเอส และเป็นที่ปรึกษาของสิงค์เทลในด้านการลงทุนในประเทศไทย
ในขณะเดียวกันคณะกรรมการบริษัทได้มีมติแต่งตั้งนายกานต์ ตระกูลฮุน ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทแทน และแต่งตั้งคุณฟิลิป เชียง ชอง แทน ให้เป็นกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างลง
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADVANC กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ที่นายวิทิตเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการเอไอเอสได้ทุ่มเทเวลาและประสบการณ์ในการทำงานให้แก่เอไอเอสเป็นอันมากโดยการวางนโยบายที่เป็นรากฐานอันสำคัญให้กับเอไอเอส เพื่อสร้างความแข็งแกร่งรองรับทิศทางของธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านการแข่งขันและกฎกติกา
โดยได้เน้นการปรับเปลี่ยนองค์กรใน 3 ส่วนหลักด้วยกัน ส่วนแรกในด้านบุคลากรและการปรับวัฒนธรรมองค์กร เช่น โครงการพัฒนาศักยภาพพนักงาน (Fast track) ส่วนที่สองการได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 Mhz, 1800 Mhz และ 2100 Mhz และส่วนสุดท้ายการพัฒนาเอไอเอสจาก “ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Telecom Service Provider)" เป็น “ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลไลฟ์ (Digital Life Service Provider)"
นายวิทิตได้ดำรงตำแหน่งกรรมการของเอไอเอสเป็นครั้งแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และได้รับการยอมรับจากต่างประเทศในฐานะที่เป็นผู้บริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการโทรคมนาคม
ตลอดระยะเวลาที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2557 นายวิทิตได้มุ่งมั่นและผลักดันความเป็นบริษัทธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และส่งเสริมให้บริษัทก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่เสมอ ทั้งนี้นโยบายและแนวทางต่าง ๆ ที่นายวิทิตได้วางรากฐานไว้ ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าเอไอเอสจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป นายวิทิต ลีนุตพงษ์ ในฐานะประธานกรรมการเอไอเอส ได้มีส่วนในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เอไอเอสสามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดโทรคมนาคมของไทยได้อย่างต่อเนื่อง
ด้านนายวิทิต กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจส่วนตัว คือ บริษัท ไทยยานยนต์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยนำเข้าและผลิตชิ้นส่วนตกแต่งภายในของ รถโฟล์คสวาเกน รุ่นคาราเวลล์ ซึ่งพบว่าตลาดในประเทศไทยมีความต้องการสูงขึ้น ประกอบกับมีโอกาสสูงในการส่งออก นายวิทิตจึงตั้งเป้าหมายที่จะทำภารกิจที่ท้าทายใหม่ ด้วยการปรับโครงสร้างบริษัท ไทยยานยนต์ เพื่อให้รองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
“ผมมีความเชื่อมั่นในอนาคตของเอไอเอส และมีความภาคภูมิใจที่ได้อยู่ร่วมความสำเร็จของเอไอเอสในฐานะประธานกรรมการมาเกือบ 3 ปี ซึ่งปัจจัยในความสำเร็จนั้นก็คือบุคลากรของเอไอเอส แต่ในขณะเดียวกัน ผมเองก็มีธุรกิจส่วนตัว คือบริษัทไทยยานยนต์ ซึ่งในขณะนี้ได้มียอดจองล่วงหน้ากว่า 5 เดือน และกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งตลาดในประเทศและการขยายไปสู่ตลาดภูมิภาคอาเซียน"นายวิทิต กล่าว