นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) ผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์ของเมืองไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพราะปกติแล้วในช่วงปลายปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล รวมทั้งเข้าสู่ฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ทำให้ความต้องการสินเชื่อเพื่อการอุปโภค-บริโภค เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งมั่นใจว่ายอดปล่อยสินเชื่อปี 2559 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ช่วยผลักดันรายได้และกำไร ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนแผนการขยายสาขาในต่างจังหวัดเพื่อขยายฐานลูกค้า ตามยุทธศาสตร์ขยายตัวทั่วไทย ในปีนี้ได้เปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขา ส่งผลให้สิ้นปี 2559 มีสาขาทั้งสิ้น 1,600 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เนื่องจากมีความต้องการสินเชื่อเป็นจำนวนมาก เพราะต้องยอมรับว่าคนในระดับล่างในต่างจังหวัด ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทำให้ต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด การขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดจึงถือเป็นการช่วยเหลือประชาชนในระดับล่างได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน
พอร์ตสินเชื่อในปัจจุบันของ MTLS ส่วนใหญ่จะมาจากการปล่อยสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ 50% , รถยนต์ 30% ที่เหลือเป็นสินเชื่อรถยนต์เพื่อการเกษตร สินเชื่อโฉนดที่ดิน สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อส่วนบุคคล
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อเกิดรายได้ (NPLs) ของบริษัทฯ ถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดในอุตสาหกรรม โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าคุมสัดส่วน NPLs อยู่ในระดับ 1% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.9% เนื่องจากบริษัทมีทีมงานติดตามหนี้ที่มีประสบการณ์ ภายใต้ MTL Model ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกหนี้และติดตามลูกหนี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,201 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 526 ล้านบาท หรือ 77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 675 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 180 ล้านบาท หรือ 82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 220 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทฯมีรายได้รวม 3,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128 ล้านบาท หรือ 71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,790 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 396 ล้านบาท หรือ 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 585 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดปล่อยสินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มียอดปล่อยสินเชื่อใหม่ 26,197 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างจำนวน 20,513 ล้านบาท