PRIN เปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.45 พันลบ.ดันยอดขายโต,มั่นใจรายได้ปีนี้ได้ 2.9 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 9, 2016 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บมจ. ปริญสิริ (PRIN) เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้เตรียมเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,450 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ คือ ซิตี้เซนส์ พระราม 2-ท่าข้าม มูลค่า 1,000 ล้านบาท, ซิตี้เซนส์ รังสิต มูลค่า 260 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โครงการตลาดพลู มูลค่า 190 ล้านบาท และโครงการรัตนาธิเบศร์ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมหมดแล้ว สามารถพัฒนาโครงการได้ทันที และมีจุดขายตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ

ล่าสุด ระหว่างวันที่ 8-9 ต.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯได้จัดงาน Pre-Sale ทาวน์โฮมโครงการใหม่ “ซิตี้เซนส์ พระราม 2-ท่าข้าม" ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Oxygen Community" โดยเน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้อยู่ร่วมกับธรรมชาติมากขึ้น ภายใต้สภาพแวดล้อมและบรรยากาศการอยู่อาศัยที่ดี ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาทเท่านั้น โดยมียอดจองซื้อเข้ามากว่า 69.39 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดขายในช่วงไตรมาส 4/59 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายรอโอน (Backlog) 483 ล้านบาท

นายชัยรัตน์ ยังมั่นใจว่า รายได้รวมในปีนี้จะอยู่ที่ 2,900 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่า 90% จะเป็นรายได้จากโครงการที่เปิดขายแล้วในปัจจุบัน โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายในทุกทำเล 19 โครงการ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีเยี่ยม ทำให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/59 (สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59) มีรายได้รวม 665.30 ล้านบาท ลดลง 33.56 ล้านบาท หรือ ลดลง 4.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 698.86 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 22.92 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 38.39 ล้านบาทสำหรับสาเหตุที่ทำให้กำไรเติบโตขึ้น เกิดจากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ในผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในงวด 9 เดือนแรกของปี 59 มีรายได้รวม 2,197.59ล้านบาท เพิ่มขึ้น 333.57 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 17.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,864.02 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 140.33 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 76.27 ล้านบาท

“สาเหตุที่ทำให้รายได้และกำไรในช่วง 9 เดือนแรก เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหาร และยอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐ และแนวโน้มดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้บริโภคที่คิดจะกู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย หรือเพื่อการลงทุนตัดสินใจได้เร็วขึ้น"นายชัยรัตน์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ