บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ตั้งเป้ารายได้ในปี 60 จะพลิกฟื้นเติบโตได้ราว 20% เป็น 2.1-2.2 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน โดยขณะนี้บริษัทมีมูลค่างานในมือ (backlog) มากกว่า 5 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 3 ปีจากนี้ และยังยื่นประมูลงานใหม่มากกว่า 1.4 แสนล้านบาท ทั้งงานภาครัฐ อย่างเช่นรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ และงานภาคเอกชน ซึ่งคาดหวังจะได้รับงานราว 20-25%
ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาโอกาสการลงทุนในธุรกิจด้านอื่น ๆ รวมถึงธุรกิจพลังงานทดแทน เพื่อสร้างรายได้ประจำและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยมีเงินสดในมืออีกกว่า 1 พันล้านบาทพร้อมสำหรับขยายการลงทุน หลังจากเข้าซื้อหุ้น 10% ใน บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) มูลค่า 880.27 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงาน EPC ด้วย
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ STEC กล่าวว่า ในปี 60 บริษัทคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตราว 20% ไปที่ 2.1-2.2 หมื่นล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.89 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานที่เซ็นสัญญาแล้วรอส่งมอบกับลูกค้า 5 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปี โดยจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/59 ราว 5,000 ล้านบาท และรับรู้ฯในปี 60 ราว 2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ยังไม่รวมงานใหม่ที่จะได้เพิ่มขึ้นจากที่ปัจจุบันบริษัทได้ยื่นเข้าร่วมประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนไปแล้ว 1.4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท สายสีชมพู และสายสีเหลือง เฉพาะงานก่อสร้าง 5 หมื่นล้านบาท รวมถึงงานภาคเอกชนอีก 1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะได้งานราว 20-25% นอกจากนี้ ยังรอยื่นประมูลงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ด้วย
"ที่มั่นใจปี 60 รายได้จะไปที่ 2.1-2.2 หมื่นล้านบาท เพราะงานในมือที่รอส่งมอบลูคค้าในปี 60 มีแล้วราว 2 หมื่นล้านบาทแน่ๆ ยังไม่ราวมงานใหม่ที่จะเพิ่ม"นายภาคภูมิ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินสดในมืออีกราว 1,000 ล้านบาท เพื่อมองหาโอกาสการเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เพื่อให้เกิดมีรายได้ประจำ (Recurring Income) ทั้งนี้ มองธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นหลัก ซึ่งการเข้าซื้อหุ้น TSE มูลค่า 880 ล้านบาท ใช้เวิร์คกิ้งแคปของบริษัท เพราะมองว่า TSE เป็นบริษัทที่ดี จริงๆ อยากถือหุ้นมากกว่า 10% แต่ WAVE ขายให้แค่ 10% เพื่อที่จะกอดไว้อีก 10%
"เราขอซื้อหุ้น TSE ไปมากกว่านั้น เพราะเป็นบริษัทที่โอเคก็อยากได้มากที่สุด แต่ก็ยังมีเงินสดอีก 1,000 ล้านบาท ก็ดูธุรกิจพลังงานอื่นอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้เกิดรายได้ประจำ เพราะในช่วง 1-2 ปีนี้ที่งานภาครัฐไม่ออกเราก็กระทบ จึงสนใจธุรกิจพลังงานอื่นๆ ด้วย อยากมี Recurring Income แต่ไม่อยากเป็นหนี้ การเข้าลงทุนกับ TSE นอกจากจะได้รับเป็นเงินปันผลแล้วยังหวังที่จะได้รับงานออกแบบ รับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า (EPC) ด้วยซึ่งเป็นธุรกิจที่เราชำนาญ"นายภาคภูมิ กล่าว
นายภาคภูมิ กล่าวว่า STEC ทำงานก่อสร้างทุกประเภทในไทยและต่างประเทศมา 54 ปี แล้ว วันนี้ STEC ถือเป็น TOP3 บริษัทรับเหมาก่อสร้างของไทย ซึ่งในปี 58 บริษัทมีรายได้ 1.89 ล้านบาท กำไร 1.54 พันล้านบาท ธุรกิจค่อนข้างเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้บริษัทเข้าลงทุนใน TSE เพราะธุรกิจก่อสร้างนั้นเมื่อส่งมอบงานให้ลูกค้าแล้วก็จบ ต้องหางานใหม่อยู่ตลอดเวลาเพื่อเพิ่ม backlog และมีความไม่แน่นอน จึงต้องหาธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำเข้ามาเพื่อสร้างรายได้ในอนาคตที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ
"ธุรกิจคอนสตรัคชั่นค่อนข้างอ่อนไหวในตลาดธุรกิจก่อสร้าง จากปัจจัยหลายอย่างทั้งความไม่แน่นอนของบ้านเมือง อย่างโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพิ้นฐานภาครัฐจะออกมาตั้งแต่ 2 รัฐบาล ก็เพิ่งจะออกมา อย่างไรก็ตาม ธุรกิจก่อสร้างก็ยังเป็นที่ธุรกิจหลัก แต่ก็คิดว่าควรจะมีธุรกิจอะไรที่จะมาสร้างรายได้ในอนาคตที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอจึงเข้าลงทุนกับ TSE เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญก่อสร้างอยู่แล้ว TSE มีธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศก็เสริมกัน"นายภาคภูมิ กล่าว