นายสรัฐ เตกาญจนวนิช ผู้อำนวยการสำนักวางแผนธุรกิจและการเงิน บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป (TOG) กล่าวว่า TOG วางแผนขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้เลนส์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทได้ยกระดับแบรนด์เลนส์สายตาของบริษัท “TOG" และมีการจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์สายตาใหม่ โดยแบ่งเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ภายใต้เครื่องหมายการค้า ONE, DISCOVERY, FREEDOM, MAXIMA, SHADE และ ZAPHIRE จากเดิมที่มี ExceliteTM เพียงแบรนด์เดียว เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ และง่ายต่อการจดจำของผู้บริโภค โดยยังคงใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านผู้แทนจำหน่าย (Dealer) คือ บริษัท นำศิลปไทย จำกัด และวางจำหน่ายสินค้าในร้านหอแว่น มากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังวางแผนส่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง 6 กลุ่มนี้ บุกตลาด AEC ในปี 2560 อีกด้วย อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นต้น
สำหรับไฮไลท์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 6 กลุ่มนั้น ได้แก่ ONE : เลนส์ชั้นเดียวเฉพาะบุคคลตระกูล ONE เป็นเลนส์คุณภาพสูง ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยี Freeform เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะ ซึ่งผู้สวมใส่รู้สึกสบายตามากยิ่งขึ้น
DISCOVERY : เลนส์โปรเกรสซีฟตระกูล DISCOVERY ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยี Conventional ช่วยให้การมองเห็นเป็นธรรมชาติ ภาพคมชัด และลดปัญหาการใช้แว่นตา 2 อัน ในการมอง 2 ระยะ หรือการใช้เลนส์ 2 ชั้น โดยคำนึงถึงความสบายของผู้สวมใส่ในการเปลี่ยนระยะโฟกัส เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตายาวสูงวัยในระยะเริ่มต้น
FREEDOM: เลนส์โปรเกรสซีฟตระกูล FREEDOM ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยี Freeform และ Wave Front (High Order Aberration Elimination) ทำให้มุมมองกว้างขึ้น 30% ภาพบิดเบือนน้อยลงกว่า 20% เห็นภาพชัดเจนและเป็นธรรมชาติมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตายาวสูงวัยที่ต้องการความคมชัดในทุกระยะ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน
MAXIMA : เลนส์โปรเกรสซีฟตระกูล MAXIMA เป็นเลนส์ที่เน้นการใช้งานระยะใกล้ – กลาง เป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตาสูงวัย เน้นการใช้งานในกลุ่มคนทำงานในออฟฟิศ
SHADE : กลุ่มเลนส์ทำสี เช่น เลนส์ย้อมสี เลนส์โพลาไรซ์ เลนส์ปรอท เป็นต้น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดแสงจ้า ตัดแสงสะท้อน และป้องกันแสง UV ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา
ZAPHIRE: เลนส์ที่มีการเคลือบผิวคุณภาพสูง ป้องกันการเกาะตัวของละอองน้ำ ตัดแสงรบกวนรวมถึงแสงสีฟ้า ที่มีแหล่งกำเนิดจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์อื่นๆ
ปัจจุบัน TOG มีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศอยู่ 95% และในประเทศ 5% โดยตลาดหลัก คือ ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา และเอเชียแปซิฟิค สำหรับตลาดเออีซีนั้น ตลาดเวียดนาม มีศักยภาพในการเติบโตสูงที่สุด โดยผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นคุณภาพสินค้าไทย และจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าเกรดพรีเมี่ยม รองลงมาคือ ตลาดในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ตามลำดับ
ด้านนายธรณ์ ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ TOG เปิดเผยผลประกอบการ 9 เดือน ประจำปี 59 ว่า TOG มีรายได้รวมจากการขายและบริการอื่นๆ จำนวน 1,392.51 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 66.74 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 5.03% โดยอัตราการเติบโตของรายได้และบริการอื่นๆ เพิ่มสูงขึ้นจากมูลค่าการขายเลนส์สายตาเฉพาะบุคคลหรือเลนส์สั่งฝนพิเศษ (Prescription Lens หรือ Rx Lens) และมีกำไรสุทธิ 159.49 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.33%
“TOG ได้เล็งเห็นแนวโน้มของยอดขายเลนส์กลุ่มพรีเมี่ยมซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เลนส์ที่ผลิตเฉพาะบุคคลจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ดังนั้น บริษัทฯ จึงวางแผนขยายกำลังการผลิตสำหรับเลนส์เฉพาะบุคคลหรือเลนส์สั่งฝนพิเศษ ด้วยระบบ Automation มูลค่าลงทุน 400 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการใช้เลนส์เฉพาะบุคคลที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าระบบนี้จะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตในต้นปี 60 ทั้งนี้ สายการผลิตใหม่นี้จะยกระดับการให้บริการที่เฉพาะเจาะจงแก่ลูกค้า ซึ่งนับเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ และเพิ่มฐานรายได้จากการผลิตที่ต่อเนื่องอีกทางหนึ่ง" นายธรณ์​ กล่าว