นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) กล่าวว่า ในปี 60 บริษัทจะเปิดขายโครงการใหม่ 17 โครงการ ด้วยมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น 74% อยู่ในระดับ 36,000 ล้านบาท จากเป้า 20,650 ล้านบาท ในปี 59 โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 10 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง 7 โครงการ และโครงการแนวราบ 7 โครงการ
ดังนั้น ในปี 60 บริษัทจึงตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 35% จากเป้ายอดขายในระดับ 22,057 ล้านบาทในปี 59 พร้อมเป้าหมายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนในระดับประมาณ 1:1 สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการบริหารงานของบริษัทอีกด้วย
ส่วนยอดโอนตั้งเป้าเติบโต 66% อยู่ในระดับ 25,000 ล้านบาท จากเป้าหมายในปี 59 ที่ระดับ 15,100 ล้านบาท โดยในปีหน้าคาดว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนสูงถึง 10 โครงการ จากในปี 59 ที่มีเพียง 5 โครงการ ทั้งนี้ในปี 60 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์กว่า 11,700 ล้านบาท
ขณะที่ ANAN ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/59 สามารถสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นถึง 56% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เป็น 252 ล้านบาท รายได้ 2,979 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับในปี 59 ถือเป็นช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน (Harvest Period) ตั้งแต่เงินลงทุนจาก IPO ที่นำมาพัฒนาโครงการและมีการเปิดขายไปก่อนหน้านี้ รวมถึงการก่อสร้างได้แล้วเสร็จ และเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ โดยจะเริ่มสร้างผลตอบแทนจากยอดโอนในปี 59 จำนวน 5 โครงการ
ในไตรมาส 3/59 บริษัทเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ติดรถไฟฟ้าบน 4 ทำเล ด้วยมูลค่าโครงการ 6,544 ล้านบาท ได้แก่ โครงการไอดีโอ โมบิ อโศก มูลค่าโครงการ 3,238 ล้านบาท โครงการเวนิโอ สุขุมวิท 10 มูลค่าโครงการ 861 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเปิดขายโครงการ ภายใต้แบรนด์ยูนิโอเพิ่มขึ้น ได้แก่ โครงการยูนิโอ สุขุมวิท 72 มูลค่าโครงการ 1,460 ล้านบาท และโครงการยูนิโอ พระราม 2-ท่าข้าม มูลค่าโครงการ 985 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายตามเป้าหมาย และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยเฉพาะโครงการไอดีโอ โมบิ อโศก มีอัตราการขายสูงกว่า 70% ของยูนิตที่เปิดขายในช่วงเปิดโครงการใหม่ และโครงการเวนิโอ สุขุมวิท 10 มีอัตราการขายสูงกว่า 90% ของยูนิตที่เปิดขายในช่วงเปิดโครงการใหม่ ส่งผลให้ไตรมาส 3 สร้างยอดขายได้ 6,930 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 36% และยอดขาย 9 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้นเป็น 15,162 ล้านบาท คิดเป็น 73% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ในไตรมาส 1/59 กว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากยอดขายจากโครงการใหม่ ได้รับการตอบรับที่ดี และจะทยอยเปิดขายยูนิตเพิ่มขึ้น
บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นไตรมาส 3/59 ที่จะทยอยรับรู้ฯ ภายในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงสุดเป็นสถิติอีกครั้ง ด้วยมูลค่าสูงกว่า 41,300 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ไตรมาส 3/59 มียอดโอน ซึ่งรวมยอดโอนจากโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง อยู่ที่ 2,902 ล้านบาท สูงกว่าเป้ายอดโอนที่ตั้งไว้ถึง 35% พร้อมมีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 56% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังสร้างอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8% เพิ่มขึ้นจาก 6% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บริษัทฯ ยังคงเป้ายอดโอนทั้งปีในระดับ 15,000-16,000 ล้านบาท
ถึงแม้ว่าจะมีการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ 3 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 2,500 ล้านบาท จากไตรมาส 4/59 ไปยังไตรมาส 1/60 และส่งผลให้มูลค่าเปิดขายโครงการใหม่ในปีนี้ลดลงจาก 21,789 ล้านบาท เป็น 20,650 ล้านบาท แต่บริษัทก็ปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีจาก 20,952 ล้านบาท เป็น 22,057 ล้านบาท จากยอดขายที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในไตรมาสที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการที่คุ้มค่า คุณภาพดี ทำเลใกล้รถไฟฟ้า
ในไตรมาส 3/59 บริษัทฯ มียอดโอนดีกว่าเป้า จากโครงการคอนโดมิเนียม ไอดีโอ โมบิ วงศ์สว่าง และไอดีโอ คิว จุฬา-สามย่าน ที่สามารถโอนได้เร็วกว่าเป้าที่ตั้งไว้ในไตรมาส 4/59 และโครงการคอนโดมิเนียมไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท อีสท์เกตที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ในไตรมาสนี้
อีกทั้งได้สร้างผลกำไรสุทธิที่ดีกว่าเป้าหมายจากการควบคุมต้นทุน โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ลดลงจาก 23% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็น 20% ในไตรมาสนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วก็ตามและสามารถรักษาวินัยทางการเงิน และบรรลุเป้าหมายการเติบโต โดยบริษัทดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนในระดับเพียง 0.8:1 ณ สิ้นไตรมาส 3/59
บริษัทยังคงมีกระแสเงินสดที่มั่นคงและแข็งแกร่ง พร้อมมีเงินสดจำนวนมากเกินกว่า 2,000 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/59 และยังคงได้รับการสนับสนุนที่ดีจากธนาคาร รวมถึงมีทางเลือกหลายทางหากจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ทั้งนี้ในเดือน ต.ค.59 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ 3 รุ่น (อายุ 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี) มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทำให้ต้นทุนจากส่วนหนี้สินลดลงต่ำสุดเป็นสถิติ โดยหุ้นกู้อายุ 1 ปีมีต้นทุนอยู่ที่ 3.05% ต่อปี
ในเดือน ต.ค.59 บริษัทฯ ได้เช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปี จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 1 งาน 67 ตารางวา ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เพื่อพัฒนาโครงการประเภทผสมผสาน (Mixed Use) ประกอบด้วยพื้นที่ค้าปลีก ห้องพักอาศัย หรือโรงแรม โครงการดังกล่าวคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 1/63