นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ลีซ อิท จำกัด (LIT) ผู้ให้บริการสินเชื่อประเภท Non-Bank เปิดเผยว่า แผนงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯพร้อมเดินหน้าขยายการให้บริการสินเชื่อแฟคตอริ่ง (Factoring) อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าเอสเอ็มอี ซึ่งถือเป็นพอร์ตลูกค้าหลักของบริษัทฯ ให้เติบโตกว่า 100% มาอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มียอดรับซื้อหนี้การค้าประมาณ 3,963 ล้านบาท พร้อมมั่นใจสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ถึง 4%
นายสมพล กล่าวว่า ในปี 59 มั่นใจยอดปล่อยสินเชื่อ รายได้ และกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงก่อนหน้าที่คาดว่าจะเติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจาก “ลีซ อิท" มีโปรดักท์การเงินที่มีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าเอสเอ็มอีที่เป็นคู่ค้าภาครัฐ และคู่ค้าภาคเอกชน ได้อย่างครบวงจร ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำ“ลีซอิท"ไม่ใช่“ลิซไอที"เห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมามีการประกาศความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดสินเชื่อในปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ จากการพัฒนาการให้บริการของบริษัทฯ เพื่อรองรับการประมูลแบบ e-Bidding ของภาครัฐ สำหรับสินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันซองประมูลสำหรับ SMEs คาดว่าจะเติบโต 100%
ส่วนสินเชื่อ Project Backup Finance หรือ สินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการ ที่ผ่านมา 3 ไตรมาสบริษัทฯ ได้สนับสนุนสินเชื่อโครงการสำคัญๆ หลายโครงการ อาทิ โครงการทำซุ้มเฉลิมพระเกียรติครองราชย์ครบ 70 พรรษา โครงการซื้อขายรถขุดไฮดรอลิคตีนตะขาบ ฯลฯ ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อเติบโตไปคู่กับของสินเชื่อแฟคตอริ่ง สามารถทำส่วนแบ่งรายได้ที่ 30% ของรายได้ได้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการเติบโตอย่างมั่นคง เนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้ให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ซึ่งอาจไม่เหมาะสมที่จะไปเร่งยอดเติบโตในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
“ในแง่ของการดูแลคุณภาพสินเชื่อ และการตั้งสำรองหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ เราให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยบริษัทฯยังเร่งตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้ไปที่ระดับเป้าหมาย 3% ของยอดสินเชื่อคงค้าง ซึ่งในปี 2559 ตั้งเป้าหมายการสำรองไว้ที่ 2.50% ของสินเชื่อคงค้าง และตั้งเป้าหมายคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ที่ระดับ 2.50% ของพอร์ตสินเชื่อรวม"นายสมพลกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 มีรายได้รวม 72.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.47 ล้านบาท หรือ 42.07 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 51.03 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 26.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.85 ล้านบาท หรือ 49.28 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17.96 ล้านบาท โดยได้รับอานิสงส์จากการที่รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโปรเจ็กต์ส่วนงานราชการต่างๆ ซึ่งส่งผลให้เกือบ 70% ของลูกค้าของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) ที่รับงานจากภาครัฐ มีความต้องการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้น และจากแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการเติบโตอย่างมั่นคง
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 59 บริษัทฯมีรายได้รวม 197.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.44 ล้านบาท หรือ 41.13 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 139.66 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 71.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.33 ล้านบาท หรือ 42.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 50.62 ล้านบาท ซึ่งทะลุผลการดำเนินงานตลอดปี 2558 ขณะที่พอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1,477 ล้านบาท จากสิ้นปีที่ผ่านมาพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1,061 ล้านบาท