นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดเผยผลประกอบการงวด 9 เดือนบริษัทมีรายได้รวม 1,690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.5% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 1,194 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.5% จากงวดเดียวกันปี 2558
ส่วนไตรมาส 3/59 รายได้รวมอยู่ที่ 600 ล้านบาท กำไร 104 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.5% และกำไร 71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47.3% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2559 มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น 6.2% และ 9.4% ตามลำดับ ซึ่งรายได้หลักยังคงมาจากการให้บริการเติมเงินโทรศัพท์ระบบเติมเงินล่วงหน้าและรับชำระเงินออนไลน์อื่นๆ ที่มีสัดส่วนกว่า 95%
ทั้งนี้ ปัจุบันบริษัทสามารถติดตั้งตู้บุญเติมทั่วประเทศได้มากกว่า 85,656 ตู้ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2559) จากเดิมในไตรมาส 3/58 บริษัทมีจำนวนตู้บุญเติมอยู่ที่ 61,076 ตู้ และไตรมาส 2/59 มีจำนวนตู้ 79,608 ตู้ ส่งผลให้มูลค่าการเติมเงินรวมผ่าน “ตู้บุญเติม" อยู่ที่ 5,766 ล้านบาท หรือเติบโต 46.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่หมายเลขผู้ใช้งานเติบโตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20.7 ล้านเลขหมาย ส่งผลให้มียอดการเติมเงินเฉลี่ยวันละกว่า 64 ล้านบาท และยอดทำรายการเฉลี่ย 1.7 ล้านรายการต่อวัน
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีรายได้ในส่วนของบริการอื่นๆเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ อาทิ บริการโอนเงินผ่าน “ตู้บุญเติม" ในการเป็นตัวแทนของธนาคารกรุงไทย ที่ได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะลูกค้าในต่างจังหวัด ทำให้มีรายการเพิ่มขึ้นมียอดการโอนกว่า 2,300 รายการต่อวัน จากเดิมมีจำนวนกว่า 1,500 รายการต่อวันในไตรมาสที่ผ่านมา คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจากธนาคารพาณิชย์อีกรายหนึ่งในไตรมาส 4 ซึ่งจะผลักดันให้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับรายได้จากเครื่องชั่งน้ำหนักที่มีการเติบโต หลังจากที่บริษัทติดตั้งไปกับตู้บุญเติมแล้วกว่า 20,000 เครื่องทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเกินเป้าในปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังดำเนินการให้ช่องทางอื่นๆมีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการโฆษณาที่จะมีลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาช่วงปลายปีอีก 2 ราย ส่วนรายได้จากการรับชำระค่าบริการ และรายได้จากการขายสินค้ามีอัตราการเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ทั้งนี้ การดำเนินงานที่ผ่านมาบริษัทมุ่งมั่นในการบริหารจัดการธุรกิจแบบแฟรนไชส์เพื่อขยายจำนวนตู้ที่เน้นให้ตัวแทนมีการเติบโตไปพร้อมกัน ทั้งการดูแลในเรื่องการการซ่อมบำรุงฟรีตลอดอายุสัญญา รวมทั้งการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ กิจกรรมแลกแต้มรับของรางวัล เติม100บาทฟรีค่าบริการโดยยกเว้นเฉพาะตู้ที่ติดตั้งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ตลอดจนกิจกรรมที่ร่วมกับเครือข่ายมือถือในแต่ละระบบที่ทำการตลาดร่วมกับบริษัท ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการสนใจเข้ามาใช้ตู้เติมเงินเพิ่มมากขึ้น และมุ่งมั่นรักษาระดับยอดเติมเงินเฉลี่ยต่อตู้ต่อเดือน (ARPU) ให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการเติมเงินค่าบริการโทรศัพท์มือถือผ่านตู้บุญเติมที่ขณะนี้มีมากกว่า 13% ของมูลค่าตลาดเติมเงินโดยรวม และยืนหยัดให้ตู้เติมเงินบุญเติมเป็นผู้นำทางธุรกิจเติมเงินมือถืออย่างต่อเนื่อง
“ผลประกอบในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนของบริษัทมีการเติบโตในทุกด้าน โดยเฉพาะบริการโอนเงินที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และจากการที่สามารถขยายตู้เติมเงินบุญเติมได้เร็วกว่าแผน ทำให้เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่จะมีจำนวนตู้ให้ได้ 90,000 ตู้ทั่วประเทศในสิ้นปี และจะส่งผลให้ยอดเติมเงินอยู่ที่ 21,000 ล้านบาทตามเป้าหมายเช่นเดียวกัน แต่ก็เป็นไปได้ว่าเราอาจจะทำได้เกินกว่าเป้าหมาย แต่ยังคงต้องรอช่วงปลายปีอีกครั้ง ส่วนระบบแฟรนไชส์สำคัญที่สุดคือต้องเติบโตไปพร้อมกับบริษัทด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดความสมดุลทางธุรกิจ และช่วยพัฒนาให้การทำธุรกิจตู้เติมเงินมือถืออยู่แบบยั่งยืนในระยะยาว" นายสมชัยกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และบริการ โดยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการเพิ่มบริการใหม่ๆ ให้มีความหลากหลาย เพื่อสร้างทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการในปัจจุบัน และขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต ตามโมเดลธุรกิจ Digital Retail Channel เพิ่มรายได้ 5 ช่องทางที่บริษัทได้วางไว้