นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ในกรอบดัชนีที่ 1,458-1,479 จุด มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปปรับตัวสูงขึ้นในบางตลาด ขณะที่ค่าเงินดอลล่าร์เช้านี้อ่อนค่าลงเล็กน้อย ทำให้มองว่าภาวะโดยรวมของตลาดเอเชียเช้านี้ ไม่น่าที่จะมีแรงขายดังเช่นวานนี้ แต่ถึงกระนั้น จาก indicator ที่สำคัญ คือ Bond Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯและค่าเงินดอลล่าร์ ที่ยังมีนแนวโน้มสูงขึ้นต่อ จะยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันต่อตลาดหุ้นเอเชียอยู่ต่อไป
ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากนักลงทุนเล็งว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะดีขึ้น และทำให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 18 เดือนข้างหน้าอาจมากกว่าที่คาดการณ์กัน Bond Yield ที่ขึ้นมาตั้งแต่นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ถึง 16% (US Gov. Bond yield อายุ 30 ปี) โดยปรับขึ้นมาเท่ากับระดับเดียวกับของเดือน ธ.ค.58 คือก่อนที่ Bond Yield จะดิ่งลง และ Bond Yield ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อ หากมีการคาดการณ์ออกมาว่าระดับดอกเบี้ย ที่ Fed จะปรับขึ้นในอนาคต จะมากกว่าที่คาดไว้ช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่การปรับราคาที่เหมาะสมหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินของสหรัฐฯในวันทีผ่านมา เป็นสัญญาณว่าตาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังจะดีต่อ เงินลงทุนที่ออกมานอกตลาดสหรัฐฯ อาจกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นสหรัฐฯอีกครั้ง กลายเป็นว่าตลาดหุ้นต่างๆ ที่เคยได้รับผลบวกจาก Foreign Fund Flow กำลังจะสูญเสีย Fund Flow ไปด้วยค่าเงินอ่อน , กังวลดอกเบี้ยขึ้น , กังวลการส่งออกในอนาคต และการปรับพอร์ตลงทุน ยังเป็นตัวลบของตลาดอยู่ต่อไป ตัวแปรสำคัญของตลาดที่จะมีผลต่อการขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาด Emerging market คือทิศทาง "ดอกเบี้ยสหรัฐฯ" และ “นโยบายการค้าต่างประเทศของนายทรัมป์" อย่างไรก็ตาม ตัวแปรตัวหลังคือ นโยบายการค้าต่างประเทศเราประเมินว่ายังอาจเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งบวกหรือลบ ขึ้นกับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับ ญี่ปุ่นและจีน ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต่อไป
สำหรับปัจจัยในประเทศ วันนี้คงไปรอดูผลประชุม ครม. ที่อาจมีมาตรการเศรษฐกิจออกมาอีก และ ครม.มีวาระเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเข้าพิจารณาด้วย และเช้าวันนี้จะครบกำหนดส่งงบการเงิน (ไม่ส่งงบจะถูกขึ้น “SP") และตลาดจะไปให้ควรสนใจกับหุ้นที่ถูกปรับในการคำนวณนดัชนี MSCI ที่รายงานมาเมื่อเช้านี้ ทั้งหมด 13 ตัว ทิศทางตลาดหุ้น โดยรวมๆ อาจเห็น technical rebound หลังปรับตัวลงมาแรง แต่คาดว่า ด้วยแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศที่ยังมีอยู่ รวมถึงการส่งงบที่กำลังสิ้นสุดลง จะทำให้ดัชนีฯ ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ
ทิศทางตลาดยังไม่ชัดเจนว่าจะไปทางใด แต่มีน้ำหนักไปในทางที่จะลงจากการขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด เรายังแนะนำนักลงทุนชะลอการลงทุนหรือเล่นสั้นๆ ไว้ก่อนจนกว่าตลาดจะนิ่งและชัดขึ้น หุ้นขนาดใหญ่ยังถือว่าเสี่ยงกับการถูกขายถ้าตลาดปรับตัวลงต่อ ให้ลดการถือหุ้นใหญ่ (หุ้นที่นักลงทุนซื้อไว้มาก) และยังควรทยอยขายหุ้นที่มีการเก็งในเรื่องงบมาก่อนหน้านี้ เพื่อลดความเสี่ยงหากตลาดปรับตัวลงต่อ หุ้นที่แนะนำ IVL,INET,TFG,VNG