โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) จากประเด็นการเทิร์นอะราวด์และยังมีโอกาสเพิ่มการขายแบบเวลาโฆษณา (CPRP) และอัตราค่าโฆษณาขึ้นอีก แม้สถานการณ์ภาพรวมของธุรกิจทีวีได้รับผลกระทบช่วงไตรมาส 4/59 แต่น่าจะเป็นแค่ข่วงสั้น และแนวโน้มจะกลับมาดีขึ้นในปี 60 หนุนให้ MONO พลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้หากกลับออกอากาศได้ตามปกติ
ขณะที่ยังคงคาดเรตติ้งช่อง MONO ดีต่อเนื่องติดใน 5 อันดับแรกจากคอนเทนท์ได้รับความที่นิยม ทำให้เป็นเป้าหมายของกลุ่มเอเจนซี่ในการซื้อโฆษณาด้วย
ราคาหุ้น MONO ล่าสุดอยู่ที่ 2.76 บาท ลดลง 0.04 บาท (-1.43%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 0.04%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ทิสโก้ ซื้อ 3.40
บัวหลวง ซื้อเก็งกำไร 3.50
เออีซี ซื้อ 3.60
กรุงศรี ซื้อ 3.40
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ คาดว่า ธุรกิจทีวีจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งในปีหน้า จากการแข่งขันคอนเทนท์ให้น่าสนใจเพื่อดึงดูดเรตติ้งและเอเจนซี่มีการใช้สื่อโฆษณาทีวีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ MONO พลิกมีกำไรสุทธิได้ในปี 60 ที่ระดับ 185 ล้านบาท หลังจากปรับประมาณการในปีนี้ลงเป็นขาดทุน 83 ล้านบาท สะท้อนรายได้และกำไรในไตรมาส 3/59 ต่ำกว่าคาด และไตรมาส 4/59 ยังน่าจะขาดทุน 26 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ธุรกิจทีวีจะลดลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และคาดอัตราการเช่าช่องโฆษณาในไตรมาสนี้จะลดลง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ประกาศให้ช่องรายการทีวีเริ่มออกอากาศได้เป็นปกติในวันที่ 14 พ.ย.แต่ยังต้องควบคุมรายการให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยทำให้ผลการดำเนินงานของ MONO พลิกกลับมาดีขึ้นในปีหน้า ขณะที่ยังคงคาดเรตติ้ง MONO จะติดอยู่ใน 5 อันดับแรกต่อเนื่องจากคอนเทนท์ภาพยนตร์เป็นที่นิยม ในขณะที่อัตราค่าโฆษณายังถูกอยู่เมื่อเทียบกับช่องหลักที่มีการขายแบบเวลาโฆษณา (CPRP) เฉลี่ย 25,000-35,000 บาท/นาที
นอกจากนี้ มอง MONO เป็นหุ้นเพื่อลงทุนในระยะยาว จากผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะพลิกเป็นกำไรได้ในปีหน้า หลังจากที่ขาดทุนสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ปี 57 และความสามารถรักษาระดับเรตติ้งให้อยู่ใน 5 อันดับแรกได้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเป้าหมายของกลุ่มเอเจนซี่ในการซื้อโฆษณา และโอกาสในการปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นได้รวมทั้งการควบคุมบริหารต้นทุนให้คงที่
"งบไตรมาส 4/59 น่าจะได้รับผลกระทบจากการห้ามออกอากาศ... ซึ่งปีนี้ทั้งปีน่าจะยังขาดทุนอยู่ราว 83 ล้านบาท แต่แนวโน้มปี 60 น่าจะกลับมาเป็นกำไรสุทธิ 185 ล้านบาท และถ้าเม็ดเงินโฆษณาไหลกลับมา ช่องที่ได้รับจัดอันดับต้น ๆ อย่าง MONO ก็จะได้รับเม็ดเงินตรงนี้ จุดแข็งของ MONO คือ เรตติ้งดีขึ้นต่อเนื่อง ถ้าเม็ดเงินโฆษณากลับมา บริษัทที่มีเรตติ้งดีก็จะได้รับผลดีจากเม็ดเงินโดยตรง ซึ่ง MONO แนวโน้มก็น่าจะดีขึ้น จากเดิมคาดว่าไตรมาส 4 นี้จะฟื้นแล้ว"นายอภิชาติก ล่าว
นายนภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.บัวหลวง มองว่า แม้คาดกำไรจะอ่อนตัวลงในไตรมาส 4/59 จากเม็ดเงินโฆษณาที่ชะลอตัวในช่วงเหตุการณ์สำคัญ แต่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น และเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นในช่วงที่ผลประกอบการอ่อนตัวลง โดยเน้นบริษัทที่มีเรตติ้งสูงอย่าง MONO ซึ่งจะเป็นเป้าหมายเมื่อเม็ดเงินโฆษณากลับมา
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ MONO ในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะขาดทุนระดับ 20 ล้านบาท และเป็นจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งผลขาดทุนลดลง 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการจองเวลาโฆษณาคาดอยู่ที่ 30-50% จาก 70% ในไตรมาส 3/59 อย่างไรก็ตามในส่วนของรายได้ธุรกิจให้บริการผ่านมือถือ (MVAS) น่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าดิจิตอลทีวี ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาจะค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังช่วงไว้อาลัย หลังจากนั้นคงจะเห็นการฟื้นตัวในปีหน้า
นอกจากนี้ MONO มีโอกาสรับรู้กำไรพิเศษจากการกลับรายการค่าใช้จ่ายของกองทุนโครงการการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) ในวงเงิน 30-50 ล้านบาทในไตรมาส 4/59 ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ
"เห็นว่าซื้อตอนนี้ไม่รีบ เพราะมองไปถึงปี 60 ซึ่งหลังจากผ่านไตรมาส 3 ไปผลประกอบการจะพลิกเป็นขาดทุน ก็มองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ช่วงไตรมาส 4 เป็นจุดซื้อมองว่าไม่ได้แย่ไปกว่านี้ ขณะที่เรตติ้งมาอันดับ 2 แล้ว"นายนภนต์ กล่าว
ด้าน บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ช่วงไตรมาส 4/59 คาดว่า MONO จะพลิกกลับมาขาดทุนอีกครั้งราว 28 ล้านบาทเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาส 3/59 หลังได้ผลกระทบจากช่วงไว้อาลัย และอาจกระทบต่อการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณาของลูกค้าไปอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า ทำให้ปรับลดประมาณการกำไรปี 59-60 ลงจากเดิม 280% และ 8.8% ตามลำดับ แต่ยังคงประมาณการกำไรตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป ส่งผลให้ภายใต้ประมาณการใหม่คาดปีนี้ MONO จะมีผลขาดทุน 85 ล้านบาท แต่คาดจะพลิกกลับมามีกำไร 246 ล้านบาทในปี 60 ตามเม็ดเงินโฆษณาที่จะกลับมาดีขึ้นสอดคล้องกับเรตติ้งที่ยังโตต่อเนื่อง