นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น (rebound) ต่อจากวันก่อน โดยมองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,467-1,485 จุด แต่มีตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) และค่าเงินดอลลาร์
สำหรับตัวชี้วัดความเสี่ยงของตลาดช่วงนี้ 2 กรณี คือ ค่าเงินดอลลาร์ และ Bond Yield สหรัฐ ในคืนผ่านมานั้น เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ผลตอบแทนพันธบัตรลดลงเล็กน้อย มาหยุดเท่ากับระดับเดียวกับเดือนธ.ค.58 แล้ว ทำให้มองว่าส่งผลดีกับตลาดหุ้นไทยในวันนี้ และเช้านี้ Bond Yield และค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) ตัวดังกล่าวปรับตัวลดลงด้วย
โดยตลาดหุ้นลดความสนใจจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ไปชั่วคราวเพราะไม่มีอะไรใหม่ จึงกลับมาสนใจกับตัวแปรพื้นฐาน เช่น ราคาน้ำมันที่ขึ้นเพราะกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกมาย้ำว่าจะตกลงเรื่องการลดกำลังผลิตน้ำมันได้ และจะมีการหารือกันกับรัสเซียในช่วงวันหยุดนี้ที่กรุงโดฮา ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า เพราะตัวเลขค้าปลีกเดือนต.ค. ของสหรัฐฯสูงขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ด้านเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความเห็นว่าดอกเบี้ยควรจะขึ้นในเดือน ธ.ค. (ค่า Fed Fund Futures Probability ของการประชุม FOMC เดือน ธ.ค.ขึ้นมาที่ระดับ 94%) โดยรวมในต่างประเทศ นักลงทุนกำลังหยุดเพื่อรอฟังข้อมูลใหม่ ๆ โดยเฉพาะนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ
ทั้งนี้ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2559 ณ 15 พ.ย.59 จากที่มีการรวบรวมทั้งหมด 655 บริษัท จากมีกำไรรวม 2.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 240.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 13.51% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ กำไรบริษัทใน SET ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะมีกำไร 2.39 แสนล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน จึงประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น (rebound) ต่อจากวันก่อน ตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คือ Bond Yield และค่าเงินดอลลาร์
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนโดยรวม ยังแนะนำนักลงทุนชะลอการลงทุนหรือเล่นสั้น ๆ ไว้ก่อนจนกว่าตลาดจะนิ่งและชัดขึ้น การขายของนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งในตลาดหุ้น และพันธบัตร น่าจะยังมีต่อ เพราะโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในเดือน ธ.ค.ยังมีอยู่ รวมถึงการปรับขึ้นในช่วงต่อ ๆ ไปที่อาจมากกว่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ จึงยังเป็นลบต่อหุ้นใหญ่ที่ขาดปัจจัยหนุนหรือไม่แข็งแรงพอ ซึ่งตลาดแบบนี้เหมาะกับการเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ เท่านั้น คือเล่นหุ้นที่มีข่าวตามสื่อต่าง ๆ หรืองบไตรมาสที่ผ่านมาที่ออกมาดีและยังคงดีต่อเนื่อง หุ้นที่แนะนำ VNG,WICE,BCH,TOG,THANI