นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ถูกแรงกดดันจากกระแส Fund Flow ไหลออกหลังค่าเงินบาทอ่อนค่า และขาดปัจจัยใหม่ด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลังส่งงบการเงินไตรมาส 3/2559 ครบแล้ว โดยมีปัจจัยภายในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการเร่งเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐเป็นแรงหนุนไม่ให้ดัชนีไหลลงลึก
ดังนั้นประเมินว่า SET จะผันผวนอยู่ในกรอบ 1,465 – 1,485 จุด ทั้งนี้แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มวางระบบ ICT ได้แก่ INET SAMTEL และ AIT ลุ้นมติที่ประชุมครม.สัปดาห์หน้า เห็นชอบเดินหน้าโครงการเน็ตหมู่บ้าน 24,700 หมู่บ้าน วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท
ด้านน.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ยังคงมีความกังวลของการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเนื่องในเดือนพ.ย.กว่า 2 หมื่นล้านบาทประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง และกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาในทิศทางที่ดี อาทิ ยอดค้าปลีกในเดือนต.ค. ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาคือ 16 พ.ย. สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนต.ค. และวันที่ 17 พ.ย. สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน หากตัวเลขออกมาในทิศทางที่ดีจะสนับสนุนความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐรอบสุดท้ายของปีในวันที่ 13-14 ธ.ค. รวมทั้งการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย. ว่าจะตกลงกันในเรื่องลดกำลังการผลิตสำเร็จหรือไม่
นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวถึงแนวทางการลงทุนในทองคำว่า ราคาทองคำปรับตัวลงแรง จากการคาดการณ์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการปรับลดภาษีและนโยบายโดยทั่วไปของนายทรัมป์จะเกื้อหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ
รวมทั้งการครองเสียงในรัฐสภาสหรัฐแบบเบ็ดเสร็จของพรรครีพับลิกันได้กระตุ้นการคาดการณ์ในตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟดได้ส่งสัญญาณขานรับนโยบายของนายทรัมป์ในการเพิ่มมาตรการกระตุ้นทางการคลัง เพื่อผ่อนคลายภาระของเฟดในการใช้นโยบายทางการเงิน และระบุว่าเหตุผลสนับสนุนให้เฟดยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้มีน้ำหนักมากขึ้น โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจากปัจจัยข้างต้นได้ช่วยหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาปรับลงแรงและมีการต่อยอดขาลงด้วยแท่งเทียน BEARISH อย่างต่อเนื่อง และ แรงกดดันสัญญาณ DEAD CROSS รวมถึงค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นลบ ทำให้ราคาแนวโน้มปรับลงต่อตามแนวลงรูปแบบ ROUNDING TOP ใหญ่ จึงประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในแนวโน้มลง โดยมีแนวรับ 1,200 -1,195 เหรียญต่อทรอยออนซ์ แนวต้าน 1,245-1,250 เหรียญต่อทรอยออนซ์