นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ WHA ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 229.50 ล้านหุ้น และได้ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น บริษัทฯคาดว่าก.ล.ต. จะเริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งได้ในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ และน่าจะสามารถเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงเดือนม.ค.60 และเข้าเทรดได้ภายในไตรมาส 1/60
ส่วนการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 125 ล้านหุ้น และ การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมของผู้ถือหุ้นเดิม คือ H-International (SG) Pte. Ltd. จำนวนไม่เกิน 104.50 ล้านหุ้น ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการในอนาคต ทั้งในส่วนของการขยายธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจพลังงาน และจะนำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
อนึ่ง WHAUP เป็นบริษัทย่อยของ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) ซึ่งดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภค ครบวงจรให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ อันได้แก่ จำหน่ายน้ำดิบ ผลิตและจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม จากน้ำดิบ น้ำเสีย หรือน้ำทะเล และบริหารจัดการน้ำเสีย รวมถึงธุรกิจสาธารณูปโภคอื่นๆ อาทิ ธุรกิจท่อส่งก๊าซ ธุรกิจบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรม
สำหรับการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) และขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ในขณะนี้นักลงทุนได้ให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีผลตอบแทนที่อยู่ในระดับสูง โดย HREIT มีผลตอบแทนอยู่ที่ 7.5% และ WHART อยู่ที่ราว 7% ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคง และมีผลตอบแทนระยะยาว ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาการนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ (โรดโชว์) จำนวน 15 แห่ง ที่สิงค์โปร์ และฮ่องกง คาดว่า WHART จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือเพิ่มขึ้นราว 10% จากปัจจุบันมีสัดส่วนการถือเพียง 3% ขณะที่คาดเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากอง น่าจะมีจำนวนรวมราว 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็น HREIT จำนวน 6,000 ล้านบาท และ WHART จำนวน 3,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้บริษัทฯเตรียมขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในปี 60 เพื่อขอวงเงินออกหุ้นกู้ประมาณ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 5,000 ล้านบาท ทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะทยอยครบกำหนดในปีหน้า และอีก 1,000-2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกิจการ โดยคาดว่าจะออกหุ้นกู้ได้ประมาณ 2 ครั้ง ครั้งละ 2,000-3,000 ล้านบาท
นางสาวจรีพร กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/59 คาดผลการดำเนินงานจะดีที่สุดของบริษัทฯ จากการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายทรัพย์ฯ เข้ากอง HREIT และรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์ฯ เข้ากอง WHART ของ WHA ส่งผลต่อรายได้รวมน่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยบริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตแตะ 17,000 ล้านบาท แม้ว่าการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในปีนี้น่าจะลดลง หรือประมาณ 1,100 ไร่ เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีการโอนที่ดิน 1,300 ไร่ ที่ส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในปีหน้าแทน
ทั้งนี้ในปี 60 มองกำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทน่าจะดีกว่าปีนี้ จากจะมีการโอนที่ดินเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากปี 59 และรายได้ประจำ (Recurring Income) จะเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 40% จากปีนี้อยู่ที่ 15% รวมถึงบริษัทจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้า 4 แห่งเพิ่มอีก 500 เมกะวัตต์ (MW) จากปีนี้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนร่วมทุนอยู่ที่ 350 MW อีกทั้งจะมีรายได้ค่าสาธารณูปโภคค่าน้ำค่าไฟที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเครือ และการลงทุนในกองทรัสต์ของบริษัทฯ ก็เชื่อว่าจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิ และรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามแผนการดำเนินงานในปี 60 ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผน คาดว่าจะสามารถเปิดเผยได้ในปีหน้า