KTBST มองหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในกรอบจำกัด ทิศทางขาขึ้น ให้กรอบ 1,467-1,485 จุด ,จับตาแรงขายต่างชาติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 17, 2016 10:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (17 พ.ย.) มีความผันผวนแต่อยู่ในกรอบจำกัด ยังมีทิศทางเป็นขาขึ้น ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีบริเวณ 1,467-1,485 จุด ขณะที่มองปัจจัยกระทบยังเป็นเรื่องการขายของต่างชาติหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้ แนะลงทุนสั้น ๆ รอตลาดนิ่งก่อนเข้าลงทุน โดยมองหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ CPALL , VNG , SCN , BCH และ SLP

"ทิศทางตลาดหุ้นไทย ที่ประเมินตอนนี้จะผันผวนสูงแต่อยู่ในกรอบจำกัด จากการเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ โอกาสขึ้นมีมากกว่าที่จะลงต่ออยู่เล็กน้อย บนการคาดหมายว่า นโยบายของนายทรัมป์ทำได้แค่บางส่วน แต่ที่ บล.KTBST ไม่มั่นใจและทำให้อาจตลาดลงต่อได้ คือ การขายของต่างชาติว่าจะจบลงเมื่อใด ที่ขายไปมาก ๆ ตั้งแต่เดือนต.ค. ถึงวานนี้ ขายไปแล้ว 4 หมื่นล้านบาท เพียงเพื่อปรับพอร์ตรับดอกเบี้ยสหรัฐฯที่จะปรับขึ้นในเดือน ธ.ค.นี้ หรือลดความเสี่ยงจากนโยบายของประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐฯ หรือทั้งสองเหตุผลกันแน่ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงเช่นเดียวกับวันก่อน ที่โดยรวมเรายังแนะนำนักลงทุนชะลอการลงทุนหรือเล่นสั้น ๆไว้ก่อนจนกว่าตลาดจะนิ่งและชัดขึ้น"นายมงคล กล่าว

นายมงคล กล่าวว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศคืนที่ผ่านมาเริ่มทรง ๆ ตัว น่าเป็นเพราะรับรู้ปัจจัยทั้งบวกและลบต่อตลาด โดยเฉพาะเรื่องนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ มาระดับหนึ่งแล้ว หากจะขยับตัวอีกครั้งก็ต่อเมื่อมีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด สำหรับวันนี้ตลาดน่าจะรอดูการพบปะกันระหว่างนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ของญี่ปุ่นกับว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เรื่องสำคัญ คือความชัดเจนในเรื่องข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ผลการหารือน่าจะมีผลบวก หรือลบต่อตลาดหุ้นคืนนี้ด้วย

อีกตัวแปรหนึ่งที่น่าจะดีกับตลาด คืออัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ ซึ่งดูนิ่งขึ้นอาจเป็นเพราะปรับขึ้นมาถึงระดับก่อนที่จะลงไป และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด แสดงความเห็นว่าเฟดปรับดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวก่อน ตามที่ KTBST เคยแสดงความเห็นว่า ที่นักลงทุนกังวลควรจะเป็นจำนวนครั้งและอัตราเร่งของการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า ถ้าขึ้นมากกว่าที่เคยคาด จะเป็นลบกับตลาดและ Fund Flow มากขึ้น เพราะเดือน ธ.ค. ค่อนข้างแน่แล้วว่าจะปรับขึ้น และตลาดก็ตีความแบบนั้น (ค่า Fed Fund Futures Probability ของการประชุม FOMC เดือน ธ.ค. อยู่ที่ระดับ 94%)

ขณะเดียวกันอีกปัจจัยบวกของตลาดคือราคาน้ำมันเพราะช่วงวันหยุดนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น ๆ จะประชุมเพื่อพิจารณากำลังการผลิตน้ำมัน ก่อนที่จะมีการประชุมจริงในปลายเดือนพ.ย. และผลการประชุมช่วงวันหยุดนี้ จะมีผลต่อราคาน้ำมันว่าจะขึ้นไปเหนือ 45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือกลับมาที่ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขึ้นอยู่กับว่าจะสรุปตัวเลขกำลังการผลิตที่จะลดลงได้หรือไม่ ส่วนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เริ่มมีการอ่อนตัวลงหลังปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความกังวลต่อทิศทางเศรษฐิจจีนและการอ่อนค่าของเงินหยวน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ