SORKON เผยกำไร 9 เดือนปีนี้หดตัวราว 29% หลังมุ่งลงทุนเตรียมพร้อมรุกขยายธุรกิจ QSR ในปี 60

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 17, 2016 11:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ (SORKON) กล่าวว่า บริษัทวางแผนรุกขยายธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ในปี 60 หลังจากที่ในปีนี้ได้เตรียมความพร้อมด้วยการลงทุนเพื่อขยายสาขาภายใต้แบรนด์ "ร้านแซ่บ คลาสสิก" และ "ร้านข้าวขาหมูยูนนาน" ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยดึงผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาเสริมทัพสร้างความแข็งแกร่งพร้อมลงทุนระบบเทคโนโลยีการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับแผนงานการรุกขยายสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งรูปแบบที่บริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง และการเปิดขายแฟรนไชส์ให้แก่ผู้ที่สนใจเข้ามาลงทุน

สำหรับนโยบายการรุกขยายสาขา "ร้านแซ่บ คลาสสิก" ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยอีสานนั้น จะขยายสาขาทั้งในรูปแบบที่บริษัทลงทุนเองและการเปิดขายแฟรนไชส์เพื่อผลักการเติบโตต่อจากนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 8 สาขา จะขยายเพิ่มอีก 4 สาขาในปีนี้ แบ่งเป็นการลงทุนเอง 2 สาขาและขายแฟรนไชส์อีก 2 สาขา พร้อมย้ายสาขาไปยังทำเลที่มีศักยภาพ เช่น การย้ายสาขาสีลมไปเปิดที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ และเพิ่มเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทย และชาวต่างชาติเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า เช่น เมนูแกงมัสมั่น ผัดไท ซึ่งส่งผลให้มียอดขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นเท่าตัว

ขณะที่ร้านข้าวขาหมูยูนนานนั้น บริษัทจะเน้นเปิดร้านขนาดเล็กในรูปแบบการขายแฟรนไชส์ที่ใช้เงินลงทุนเพียง 89,000 บาท เพื่อรุกเข้าสู่แหล่งชุมชนรองรับแผนขยายธุรกิจ พร้อมปรับเปลี่ยนสาขาเดิมที่มีอยู่ 32 สาขาเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งหมด รวมถึงจะเพิ่มเมนูอาหารใหม่ ๆ ให้มีความหลากหลาย เช่น ติ่มซำ เมนูเกี่ยวกับผักต่างๆ เป็นต้น โดยในไตรมาส 4 นี้ บริษัทจะขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ที่ประเทศ สปป.ลาว เพิ่มขึ้นอีก 1 สาขาและกัมพูชาอีก 2 สาขา ส่งผลให้ ณ สิ้นปีนี้จะมีสาขาร้านข้าวขาหมูยูนนานในไทยและต่างประเทศทั้งสิ้น 35 สาขา

“ปีนี้ถือเป็นปีแห่งการลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมรุกขยายธุรกิจด้าน QSR ทั้งในด้านบุคลากรที่ดึงมืออาชีพมาร่วมงานและช่วยวางแผนงานธุรกิจ รวมถึงได้ลงทุนระบบเพื่อรุกขยายร้านในรูปแบบแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น และปรับเปลี่ยนทำเลร้านไปยังทำเลที่มีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งด้วยแนวทางดังกล่าว เชื่อว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจ QSR ของเราให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด"นายเจริญ กล่าว

นายเจริญ กล่าวอีกว่า จากแผนงานดังกล่าว ทำให้บริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการขายและการบริหาร (SG&A) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 60.32 ล้านบาท ลดลงราว 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 84.91 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้มีรายได้รวมอยู่ที่ 1.95 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีปัจจัยจากกลุ่มอาหารพื้นเมือง อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน และกลุ่มร้านอาหารบริการด่วนที่ยังเติบโตได้ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ