นายแดน ฮาร์โซโน่ ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อยปี 60 เติบโตไม่ต่ำกว่า 11% จากปีนี้ที่ธนาคารยังคงมั่นใจว่าการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย หรืออาจจะสูงกว่าที่ตั้งไว้เติบโต 11% หลังจากที่สินเชื่อรายย่อยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายแล้วที่ 11% ซึ่งการเติบโตของสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา เป็นการเติบโตมาจากสินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถยนต์ที่เป็นปัจจัยหนุนหลัก
ขณะเดียวกัน แนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อไตรมาส 4/59 ธนาคารคาดว่าจะยังมีการเติบโตต่อเนื่องหลังเข้าสู่ฤดูกาลที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่วยสินเชื่อคงค้างของธนาคาร ณ สิ้นก.ย.59 มีมูลค่าอยู่ที่ 6.18 แสนล้านบาท โดยมีสินเชื่อรายย่อยคิดเป็นสัดส่วน 44% ของพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งหมด โดยปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อรายย่อย แบ่งเป็น สินเชื่อบ้าน 14% คิดเป็นยอดสินเชื่อ 1.89 แสนล้านบาท สินเชื่อรถยนต์ 20% คิดเป็นยอดสินเชื่อ 2.85 แสนล้านบาท และสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 10% คิดเป็นยอดสินเชื่อ 1.3 แสนล้านบาท
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ธนาคารตั้งเป้าคุม NPL ของสินเชื่อรายย่อยสิ้นปีนี้ไม่ให้เกิน 2% จาก 9 เดือนที่ผ่านมา NPL ของสินเชื่อรายย่อยอยู่ที่ 2% โดยธนาคารยังคงมีการเข้มงวดในการให้สินเชื่ออยู่บ้าง ซึ่งพิจารณาตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงสอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคารที่ตั้งเป้าคุม NPL ทั้งหมดให้ต่ำกว่า 2.5% ซึ่ง NPL รวมของธนาคารใน 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.1% โดยการที่ธนาคารได้ควบคุม NPL ให้ลดลงเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงในภาวะที่เศรษฐกิจยังชะลอตัวอยู่
นอกจากนี้ ธนาคารยังมองหาโอกาสในการเติบโตในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ธนาคารได้เข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ในประเทศกัมพูชา ทำให้สินเชื่อมีการเติบโต โดยสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้ได้ปรับเป้าเพิ่มขึ้นเป็นเติบโต 8-9% จากเดิมที่ธนาคารตั้งไว้เติบโต 5-6% แต่หากไม่รวมสินเชื่อในกัมพูชาที่ได้เข้าซื้อพอร์ตมา จะทำให้สินเชื่อของธนาคารเติบโต 6.6% ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา
ในวันนี้ธนาคารได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กรุงศรี ไพร์ม (KRUNGSRI PRIME) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีเงินฝากหรือเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยธนาคารตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าใหม่ 50% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าเงินฝากและเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 100,000 ราย
ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ภายใน 3 ปี เพิ่มขึ้น 60% โดยธนาคารมองว่ากลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง โดยที่ผ่านมา 3 ปี กลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่เฉลี่ยเติบโต 2.1% ต่อปี ซึ่งลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายของกรุงศรี ไพร์ม มีความต้องการบริการด้านเงินฝาก การบริหารจัดการสินทรัพย์ และการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีและเกิดความคุ้มค่า ทำให้ธนาคารเล็งเห็นโอกาสในการเจาะกลุ่มในลูกค้ากลุ่มนี้