JWD ตั้งเป้ารายได้ปี 60 โตกว่า 7% (ไม่รวม M&A ),คาดสรุปดีล M&A ห้องเย็นในมาเลย์ มูลค่า 1-1.5 พันลบ.ในปี 60

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 17, 2016 13:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เปิดเผยว่า ในปี 60 บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ไม่รวมกับการเข้าซื้อกิจการใหม่ (M&A) จะเติบโต 7% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 2.38 พันล้านบาท

ส่วนกำไรสุทธิปี 60 จะกลับไปอยู่ในระดับปกติในระดับเดียวกับช่วงปี 58 ที่มีกำไรสุทธิอยู่กว่า 300 ล้านบาท หลังจากที่ในงวด 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทยังมีผลประกอบการที่ขาดทุน 51.45 ล้านบาท ซึ่งผลขาดทุนดังกล่าวเกิดจากการตั้งประมาณการหนี้สินจำนวน 129.5 ล้านบาท โดยการตั้งประมาณการหนี้สินดังกล่าวเกิดจาก ดอกเบี้ยที่เกิดจากคีดฟ้องร้องค่าเสียหายจากเหตุเพลิงไหมคลังสินค้าจำนวน 13.7 ล้านบาท โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา ทั้งนี้ บริษัทได้บันทึกประมาณการหนี้สินในส่วนค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องร้องจำนวน 57.0 ล้านบาทในปี 57 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ยังมีการประมาณการค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากการให้บริการของบริษัท ส่วนเพิ่มที่เกิดขึ้นในระหว่างปี 53 ถึง 58 ย้อนหลัง จำนวน 115.8 ล้านบาท ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ส่งหนังสือเรียกเก็บมาในเดือน ก.ย. 59

นายชวนินทร์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 60 ที่จะมีการเติบโต จะมาจากทุกๆกลุ่มธุรกิจจะเริ่มกลับมาปรับตัวดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สินค้าทั่วไป สินค้าอันตราย รถยนต์และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง บริการขนส่งสินค้าในประเทศ และขนส่งสินค้าข้ามแดน บริการขนย้ายให้กับบุคคลและองค์กรทั้งในและต่างประเทศ บริการจัดการเอกสารและข้อมูล

"ภาพรวมผลประกอบการปีนี้ยังต้องลุ้นในช่วงไตรมาส 4/59 ว่าจะออกมาดีขนาดไหน โดยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังทุกธุรกิจปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจห้องเย็นที่บริษัทเร่งหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อาทิกลุ่มอาหาร เพื่อที่จะมาชดเชยกลุ่มลูกค้าที่หายไปจากผลกระทบนโยบายกีดกันทางการค้าสหรัฐ ซึ่งเราก็เชื่อว่าในปี 60 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะไม่มีผลขาดทุนแล้ว ซึ่งหากในช่วงไตรมาส 3/59 หากไม่รวมการตั้งประมาณการหนี้สินจำนวน 129.5 ล้านบาท บริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ 24 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2/59"นายชวนินทร์ กล่าว

ทั้งนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 60 ไว้ที่ราว 1-2 พันล้านบาท เพื่อที่จะใช้ขยายคลังสินค้าสำหรับสำหรับวัตถุอันตราย ในประเทศกัมพูชา และขยายคลังสินค้าทั่วไป ในประเทศลาว ขนาด 3 พันตารางเมตร มูลค่าราว 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการห้องเย็นในประเทศมาเลเซีย โดยจะใช้งบลงทุนราว 1.0 -1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะสรุปการเข้าซื้อกิจการได้ภายในปี 60 โดยงบลงทุนดังกล่าวจะมาจากการออกหุ้นกู้ภายในช่วงไตรมาส 1/60 มูลค่าราว 1.0 -1.5 พันล้านบาท จากที่บริษัทได้ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้ 3 พันล้านบาท โดยบริษัทได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง ที่ระดับ BBB+

นายชวนินทร์ กล่าวต่อว่า บริษัทจะขยายกิจการไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ภายในปี 63 จากปัจจุบันอยู่ที่ 8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ