นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) กล่าวว่า มั่นใจยอดขายเหล็กปี 59-60(สิ้นสุดมี.ค.) โตตามเป้าที่ตั้งไว้ 10% มาที่ 1.22-1.25 ล้านตันสูงกว่าปีก่อนที่ 1.12-1.13 ล้านตัน หลังผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก (เม.ย.-ก.ย.59) มียอดขายสุทธิ 9,219 ล้านบาท จากปริมาณขาย 6.15 แสนตัน เติบโต 7%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายการส่งออกที่ 10-12% ของปริมาณขาย หรือราว 1 แสนตัน โดยตลาดหลักยังเป็นอินเดีย ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย ส่วนการขยายตลาดไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์นั้น ขณะนี้ได้รับการอนุมัติมาตรฐานการผลิตแล้วทั้ง 2 ประเทศ แต่ที่ยังไม่ส่งออกไปเพราะปัจจุบันมีบริษัทในเครือซึ่งอยู่ที่สิงคโปร์ส่งไปขายแล้วก็ไม่ต้องการที่จะแข่งขันในตลาดเดียวกัน นอกจากนี้ มองว่าปีนี้ตลาดในประเทศมีความต้องการสูงจากการผลักดันโครงการภาครัฐโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ดังนั้นจึงจะเน้นป้อนตลาดในประเทศก่อน
นายราจีฟ คาดว่า ปีนี้บริษัทฯ จะมี EBITDA เข้าใกล้ 1,600-1,800 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ 845 ล้านบาท ขณะครึ่งแรกของปีบริษัทมี EBITDA แล้ว 903 ล้านบาท ทั้งนี้มาจากวอลุ่มขายที่มากกว่าปีก่อน 10% การควบคุมภายใน ในแง่ต้นทุน Fix cost ต่ำกว่าปีก่อน และการจัดหาวัตุดิบคือเศษเหล็ก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งเศษเหล็กราคาไม่ได้ปรับขึ้น จึงไม่กระทบและผลิตเหล็กสำเร็จรูปมากขึ้น
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับครึ่งแรก โดยประเมินว่าราคาขายเฉลี่ยในช่วง 4 เดือนข้างหน้านี้ จะอยู่ที่ราคาปัจจุบัน 16,000 บาท/ตัน หรือราว 16 บาท/ก.ก. สูงกว่าครึ่งแรกที่ไตรมาส 2 เฉลี่ยอยู่ที่ 14,750 บาท/ตัน และไตรมาสแรกเฉลี่ยที่ 15,300 บาท/ตัน
"ที่มองว่าในช่วง 4 เดือนนี้ราคาทรงตัวสูงเพราะเดือนพ.ย.เป็นช่วงฤดูขายราคาเหล็กจะอยู่ขาขึ้น และม.ค.เป็นช่วงตรุษจีนผู้ประกอบการเหล็กจะหยุดผลิตทำให้ราคายังอยู่ขาขึ้นจึงเชื่อว่าราคาเหล็กน่าจะ strong ไม่ drop น่าจะยังเป็นขาขึ้นอยู่ในช่วง 4 เดือนนี้"
สำหรับความคืบหน้าการเจรจาขายเครื่องจักรในโรงถลุงเหล็กของบริษัท ขณะนี้มีผู้สนใจเจราซื้ออยู่ 5 ราย ซึ่งเครื่องจักรทั้งหมดมีมูลค่าราคาตลาดที่ 1,000 ล้านบาท ขณะนีการเจรจายังไม่ข้อสรุป แต่หากขายได้ราคาที่สูงกว่าราคาตลาดก็จะบันทึกเป็นกำไร