นายยงยศ ครองพาณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้าร่วมประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกช ในอ่าวไทย ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนมิ.ย.60 และคาดว่าจะรู้ผลภายในเดือนก.ย.60 หลังแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าวที่บริษัทได้รับสัมปทานจะหมดอายุในปี 65-66 ขณะที่ปริมาณการผลิตของแหล่งบงกช คิดเป็นราว 20% ของการผลิตปิโตรเลียมทั้งหมดของบริษัท โดยหากได้รับการต่ออายุจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการและร่วมทุน (M&A) ในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาสนับสนุนปริมาณการผลิตของบริษัทให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยบริษัทมีความสนใจการลงทุนในประเทศเมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยเงินสดในมือประมาณ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ยังไม่สามารถสรุปช่วงเวลาที่ชัดเจนของการทำดีล M&A ดังกล่าวได้ เพราะการเจรจาจะต้องใช้เวลาและขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ซื้อและผู้ขายด้วย
สำหรับในปีนี้บริษัทมองว่าปริมาณการขายปิโตรเลียมจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 3.2 แสนบาร์เรล/วัน โดยจะพยายามรักษาอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ให้อยู่ที่ระดับ 70% ของยอดขาย ขณะที่ปัจจุบันมีโครงการและดำเนินกิจกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 39 โครงการ ใน 12 ประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการลดต้นทุนให้ต่ำลงจากการลดงบลงทุนต่อปี ลดค่าใช้จ่ายเครื่องจักร ยกเลิกโครงการไม่สร้างรายได้ รวมถึงเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยง ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ในปี 60 จะอยู่ในระดับต่ำกว่า 31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปัจจุบัน
ด้านแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 4/59 ไปจนถึงปี 60 บริษัทคาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ย 45-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยต้องติดตามเรื่องกำลังการผลิตน้ำมันที่ยังล้นตลาดอยู่ประมาณ 4 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งต้องจับตาการประชุมและการเจรจาระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กับกลุ่มนอกโอเปก เรื่องแผนการลดกำลังการผลิต รวมถึงการดำเนินนโยบายการเมืองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐด้วย