นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านการเงินและบัญชี บมจ. ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดค่าการกลั่นรวม (GIM) จะค่อยๆปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในปี 60 จาก 9 เดือนของปี 59 บริษัทฯมี GIM อยู่ที่ 7.3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยเฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทั้งนี้เป็นผลมาจากการกำลังการกลั่นทั่วโลกจะปรับตัวลดลงเพราะโรงกลั่นขนาดใหญ่หลายแห่ง อาทิ ซาอุดิอาระเบีย อินเดีย และอิหร่าน ปิดซ่อมบำรุง ขณะเดียวกันความต้องการใช้น้ำมันยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ภาพรวม GIM จะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า
“แนวโน้มผลประกอบการในปี 60 จะปรับตัวดีขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น และแนวโน้มส่วนต่างราคาน้ำมันจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นด้วย นอกจากนี้บริษัทฯจะมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 240 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มปีอีกด้วย"นางสาวภัทรลดา กล่าว
ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 60 คาดว่าอยู่ที่ 45-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ใกล้เคียงกับปีนี้ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย. นี้ ว่าจะสามารถตกลงการปรับลดกำลังการผลิตได้หรือไม่ ซึ่งหากการประชุมดังกล่าวสามารถบรรลุข้อตกลงได้จะทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่หากการประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงคาดว่าราคาน้ำมันจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 60 หลังจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ผลประกอบการในปีนี้ยังถือว่าระดับที่ดี เนื่องจากมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน (stock gain) และการใช้กำลังการผลิตขึ้นไปสู่ระดับ 107% ขณะที่ส่วนต่างน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวดีขึ้นอีกด้วย รวมไปถึงปริมาณการใช้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลกด้วย ขณะที่ในช่วงไตรมาส 4/59 หากราคาน้ำมันอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันคือ 43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล บริษัทฯจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน"นางสาวภัทรลดา กล่าว
ส่วนความคืบหน้าโครงการ Clean Fuel Project (CFP) เพื่อตั้งเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการกลั่นให้เติบโตแบบก้าวกระโดด จากปัจจุบันอยูที่ 270,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน โดยการขยายเป็นลักษณะการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นเดิม ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณประมาณ 3,000-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ อาจต่ำกว่า และ คาดว่าจะได้ข้อสรุปโครงการ และ นำเสนอคณะกรรมการในช่วงปลายปี 60 โดยมีผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) จากโครงการดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ 14%
นอกจากนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปี 60 ไว้ที่ 100-200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดในมืออยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท โดยถือว่าเพียงพอต่อการขยายธุรกิจในอนาคต