นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เปิดเผยว่า ดีล M&A ของบริษัทฯ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเจรจาและรอข้อสรุป ซึ่งยังไม่เห็นผลในปีนี้ สำหรับในปีหน้าหากมีความชัดเจนอย่างไรจะแจ้งให้นักลงทุนทราบอย่างแน่นอน
สำหรับกลยุทธ์ในช่วงที่เหลือของปีนี้และในปีหน้า บริษัทฯ จะยังคงมุ่งเน้นการเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยตั้งเป้าหมายหาตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีความแข็งแกร่ง ผลักดันให้ยอดขายเติบโตอย่างโดดเด่นได้ รวมทั้ง เพิ่มความหลากหลายของสินค้าใหม่ที่วางจำหน่าย โดยในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับผลตอบรับที่ดี โดยบริษัทตั้งเป้าหมายปี 60 คาดรายได้จะเติบโตขึ้นอีก 20% จากปี 59
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าโรงงานแห่งที่ 2 ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง จะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในไตรมาส 1-2 ของปี 60 เป็นต้นไป จึงเชื่อมั่นว่า จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว ในการผลิตสินค้าประเภทซอสปรุงรสและน้ำจิ้ม รวมทั้ง การลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากโรงงานแห่งที่ 2 ในปีนี้ จะสนับสนุนให้ยอดขายของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันและต่อเนื่องในอนาคต
“กลยุทธ์ในช่วงต่อจากนี้ XO ยังคงเดินหน้าสร้างยอดขายสินค้าที่ได้รับความนิยมในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น สินค้ากลุ่มซอส และกลุ่มเครื่องดื่ม รวมทั้ง นำเสนอสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง มองหาตัวแทนจำหน่ายที่จะสนับสนุนช่องทางการขายของบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และจากปัจจัยบวกในปีหน้า โรงงานใหม่แห่งที่ 2 แล้วเสร็จ จะสนับสนุนกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น สามารถผลิตสินค้าและจัดส่งให้ลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น"นาย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงยืนยันเป้าหมายรายได้ทั้งปี 59 จะเติบโต 15% จากสิ้นปี 58 อยู่ที่ราว 740 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้ หลังผลงาน 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากการขายสินค้าแล้ว 655.30 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 3/59 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า 199.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/58 ที่ 21.59 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.12% สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่ม จากวัตถุดิบธรรมชาติ สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.03 ล้านบาท ลดลง 61.08% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 25.77 ล้านบาท จากการลดลงของอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 24.80% จากค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินการในโรงงานแห่งที่ 2 ค่าเช่าคลังสินค้า และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน รวมทั้งค่าใช่จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯ ได้ขอยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนสำหรับการผลิตในโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังในไตรมาส 2/59
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 59 มีรายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 655.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 101.34 ล้านบาท คิดเป็น 18.29% จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ และกลุ่มเครื่องดื่มจากวัตถุดิบธรรมชาติ สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 74.74 ล้านบาท ลดลง 2.12% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 76.36 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าอยู่ที่ 32.99% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า 31.13% สาเหตุหลักเกิดจากการอ่อนค่าของสกุลเงินบาท
"ผลงานไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ที่ออกมารายได้เติบโตขึ้น เป็นผลจากยอดขายกลุ่มซอสปรุงรส และน้ำจิ้ม รวมทั้ง สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มที่มีการเติบโตโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่กำไรสุทธิปรับลดลง มีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรงงานแห่งที่ 2 ที่มีปัญหาในการก่อสร้างทำให้ล้าช้ากว่ากำหนด แต่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมปีนี้แน่นอน ประกอบกับการขอยกเลิก BOI ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ลูกค้าบางประเทศของเราได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จึงมีการต่อรองในเรื่องราคาสินค้าเข้ามาบ้าง แต่มองว่าเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น จึงคาดว่าผลงานในช่วงครึ่งปีหลัง อาจมีการเติบโตในอัตราที่น้อยกว่าครึ่งปีแรก" นายจิตติพร กล่าว