โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มองแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อมีความโดดเด่นหลังจากการเข้าซื้อกิจการ HKL ธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในกัมพูชา ช่วยหนุนการเติบโตสินเชื่อตั้งแต่ไตรมาส 4/59 เป็นต้นไป และทำให้ธนาคารปรับเป้าการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้เป็น 8-9% จากเดิมที่ 5-6%
ขณะที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาด NPL สิ้นปีนี้ที่ 2% จากระดับ 2.1% ณ สิ้นไตรมาส 3/59 โดยธนาคารมีสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีเพียง 15% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ทำให้ธนาคารมีความเสี่ยงน้อยที่จะมีระดับ NPL เพิ่มขึ้น แต่การที่มีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยที่มากถึง 44% อาจมีความเสี่ยงในระยะยาวหากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิของธนาคารในปีนี้จะยังคงเติบโตจากปีก่อน ตามการขยายตัวของสินเชื่อที่มีความโดดเด่น และการจัดการและควบคุมคุณภาพหนี้ที่ดี รวมถึงต้นทุนเงินฝากที่ลดลง
ราคาหุ้น BAY พักเที่ยงอยู่ที่ 38.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+1.32%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย บวก 0.38%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) แอพเพิล เวลธ์ ซื้อ 47.00 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 45.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 43.50 บัวหลวง ซื้อ 42.50 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 42.00 โกลเบล็ก ซื้อ 41.50 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 40.00
นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล ผู้ช่วยอำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 ของ BAY จะเริ่มมีความโดดเด่นมากขึ้น หลังจากการเข้าซื้อกิจการ Hattha Kaksekar Limited (HKL) ธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในกัมพูชา ทำให้ BAY ได้รับโอนสินเชื่อส่วนบุคคลเข้ามาในงบการเงินไตรมาส 3/59 ถึง 1.3 หมื่นล้านบาท ทำให้ BAY ปรับเป้าการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้เป็น 8-9% จากเดิมคาดขยายตัวเพียง 5-6%
นอกจากนี้ แนวโน้มของต้นทุนเงินฝากของ BAY ที่ลดลง โดยในไตรมาส 3/59 ต้นทุนเงินฝากของธนาคารอยู่ที่ 1.59% จาก 1.63% ในไตรมาส 2/59 ช่วยส่งผลดีต่อกำไรของธนาคาร จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ BAY ในปีนี้ขึ้น 8.7% หรือมาอยู่ที่ 2.17 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 1.99 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในปีที่แล้ว BAY มีกำไรสุทธิ 1.86 หมื่นล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า BAY ปรับเป้าการเติบโตสินเชื่อจากเดิมคาดเติบโต 5-6% เป็นเติบโต 8-9% ในปีนี้ เป็นผลจากสินเชื่อที่มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาด และการเข้าซื้อกิจการ HKL เข้ามาในไตรมาส 3/59 หนุนให้สินเชื่อของธนาคารเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้จากภาพรวมของสินเชื่อเอสเอ็มอีที่มีสัดส่วนเพียง 15% ของพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งหมด ทำให้มีแนวโน้มที่ NPL ของ BAY จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ซึ่งคาดว่า NPL ของ BAY ในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 2% ต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่คาดอยู่ระดับ 3% แต่อย่างไรก็ตามการที่มีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยสัดส่วนสูงถึง 44% ยังเป็นความเสี่ยงในอนาคตหากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
ทั้งนี้ การเติบโตของสินเชื่อที่โดดเด่นและแนวโน้ม NPL ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าธนาคารอื่น ๆ จะช่วยหนุนกำไรของ BAY ในปีนี้เติบโตจากปีก่อน และมีแนวโน้มที่เติบโตมากขึ้นอีกในปี 60
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มกำไรของ BAY ในไตรมาส 4/59 จะเติบโตได้ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อที่ดีขึ้น และรับแรงหนุนการเข้าซื้อกิจการ HKL ในไตรมาส 3/59 ทำให้สินเชื่อเติบโตมาก โดยธนาคารได้ปรับเป้าการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้เป็น 8-9% จากเป้าเดิมที่เติบโต 5-6%
นอกจากนี้ NPL ของ BAY มีแนวโน้มที่ลดลงอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ราว 2% จากสิ้นไตรมาส 3/59 อยู่ที่ 2.1% อีกทั้งธนาคารยังมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ที่อยู่ในระดับสูงที่ 152% เป็นอันดับ 2 รองจากธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งทำให้ธนาคารมีการแข็งแกร่งในการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ ทั้งนี้ ยังคงคาดการณ์กำไรของธนาคารในปีนี้อยู่ที่ 2.15 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว