นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้แกว่งในกรอบ 1,480-1,492 จุด แนวโน้มเป็นบวกจากปัจจัยบวกจากต่างประเทศ คือ เศรษฐกิจสหรัฐฯและราคาน้ำมัน และปัจจัยภายในคือทิศทางเศรษฐกิจที่โตต่อเนื่อง แต่การบวกจะไม่รุนแรง เนื่องจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่ยังไม่เคลียร์นัก จะทำให้นักลงทุนบางส่วนยังไม่กล้าเข้ามาลุยซื้อหุ้น
การที่ดัชนี Dow Jones ขึ้นมายืนเหนือ 19000 จุด หรือทำ new high อย่างต่อเนื่องได้ ถือว่าไม่ธรรมดามุมมองของนักลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นบวก แน่นอนว่าน่าจะมาจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคนใหม่ที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว การปรับขึ้นดอกเบี้ย น่าจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า โดยเฉพาะภาคการเงินที่จะเป็นบวกจากส่วนต่างของดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การที่เศรษฐกิจสหรัฐฯดี จึงเท่ากับดีต่อประเทศอื่นๆด้วย ซึ่งโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. (13-14) ยังคงเป็น 100% ตลาดน่าจะรับรู้กันไประดับหนึ่งแล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 30 ปี ยังทรงตัวระหว่าง 2.9-3.0% เป็นสัญญาณว่านักลงทุนเริ่มลดความกังวลลง แต่ถึงกระนั้น นักลงทุนในตลาดพันธบัตร น่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ย แต่นักลงทุนในตลาดหุ้น อาจมีบางส่วนที่พอร์ตลงทุนหรือการจัดพอร์ตไปอิงกับดอกเบี้ย ซึ่งผลกระทบจะไม่แรงเหมือนตลาดพันธบัตร แรงขายหุ้นในตลาดหุ้นเอเซียเริ่มลดระดับลงแล้วด้วย
การเดินหน้าตามนโยบายหาเสียงของนายทรัมป์ที่เปิดเผยออกมาเมื่อคืนที่ผ่านมา พูดถึงเรื่องการปรับเพิ่มตำแหน่งกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และนโยบายด้านพลังงานทดแทน (ถ่านหิน) เราน่าจะเห็นการแสดงความเห็นต่อนโยบายเหล่านี้ในวันนี้ด้วย
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมัน คณะทำงานของ OPEC มีการประชุม Technical Meeting ไปเมื่อคืนที่ผ่านมา (22) แต่ไม่เปิดผลการประชุม โดยชี้แจงเพียงว่าออกมาในทางบวก แต่เชื่อว่าตลาดยังมีความกังขาต่อท่าทีของอิหร่านและอิรัก ราคาน้ำมันจึงปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มโลหะยังเดินหน้าต่อจากคาดการณ์ความต้องการใช้ที่จะสูงขึ้นในอนาคตตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรายสัปดาห์ยังออกมาไม่หยุด ซึ่งจะเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4/59 หรือต่อจากนี้ไปจะไม่ชะลอตัวลง เพราะได้แรงหนุนจากภาครัฐ ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นไทยคาดจะเป็นบวก
กลยุทธ์การลงทุนแม้ตลาดยังมีแนวโน้มเดินหน้าต่อแต่ยังแนะนำเพียงเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ หุ้นกลุ่มเด่น ๆ จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มส่งออกบางตัว หุ้นแนะนำ ROBINS, MC, KAMART, BANPU, LANNA, PAP, COM7, UV