นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT)" ว่า หลังจากเปิดจองซื้อหน่วยทรัสต์ HREIT ให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ WHART ระหว่างวันที่ 9 -11 และ 14 พ.ย.59 รวมถึงเสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของกลุ่มบริษัทเจ้าของทรัพย์สิน นักลงทุนสถาบัน และผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ และตัวแทนจำหน่ายหน่วยทรัสต์ ระหว่างวันที่ 15-18 พ.ย.59 ในราคา 10 บาทต่อหน่วย ถือว่าได้รับการตอบเป็นอย่างดี ทำให้ยอดการจองซื้อหน่วยทรัสต์ HREIT หมดและไม่เพียงพอต่อความต้องการ
สำหรับสาเหตุที่หน่วยทรัสต์ดังกล่าวมีจองใช้สิทธิในการจองซื้อสูง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอัตราผลตอบแทนที่ประเมินไว้ในปีแรกเท่ากับ 7.75% (ซึ่งประกอบด้วยประมาณการอัตราผลตอบแทนสุทธิ (Net Yield) 6.07% ประมาณการการแบ่งส่วนทุนจากรายการที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินสด 0.01% และประมาณการเงินคืนทุนที่ถูกทยอยคืนแบบเส้นตรง 1.67% ซึ่งหากพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนในข้างต้นจะเห็นได้ว่า HREIT มีการจ่ายผลตอบแทนที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ลงทุนได้อย่างน่าพึงพอใจ
ทั้งนี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย HREIT เชื่อมั่นว่าจากจุดเด่นทั้งในด้านทรัพย์สินและด้านทำเลที่ตั้งที่อยู่ในแหล่งนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมหลักของประเทศและระดับภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ แผนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจชายฝั่งตะวันออก และแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อีกทั้ง ยังอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของเหมราช ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ของประเทศ ที่มีประสบการณ์ยาวนาน และมีชื่อเสียงเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้าผู้ประกอบการอุตสาหกรรม HREIT จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรกในวันที่ 28 พ.ย.59
ด้านนายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เหมราช รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ HREIT กล่าวว่า กระแสการตอบรับจากผู้ถือหน่วย WHART รวมถึงนักลงทุนสถาบันดีเกินคาด คงเป็นผลจากความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริหาร รวมถึงมีความโดดเด่นของกองทรัสต์ ที่เป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะจากผลตอบแทนการลงทุนที่สม่ำเสมอ จากสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารโรงงานและคลังสินค้าเป็นเวลา 30 ปี และโอกาสในการต่อสัญญาอายุการเช่าอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี ซึ่งสามารถส่งต่อการลงทุนถึงลูกหลานได้
อย่างไรก็ตาม อาคารโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปที่กองทรัสต์ HREIT จะเข้าไปลงทุนนั้น ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และโลจิสติกส์ เป็นต้น อีกทั้งทรัพย์สินที่กองทรัสต์เข้าลงทุนบางส่วน ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตประกอบการเสรี (IEAT Free Zone) ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) หรือตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมซึ่งมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จึงทำให้ทรัพย์สินที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนในครั้งแรกนี้ มีความน่าสนใจและสามารถดึงดูดผู้เช่าที่เป็นผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
"กองทรัสต์ HREIT จะลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดิน อาคารโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปใน 6 โครงการที่กระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและระยอง คิดเป็นพื้นที่เช่ารวม 261,314 ตารางเมตร แบ่งเป็นอาคารโรงงาน 167,372 ตารางเมตร และอาคารคลังสินค้า 93,942 ตารางเมตร ประกอบด้วย 1.อาคารโรงงานในโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง), 2.อาคารโรงงานในโครงการนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด, 3.อาคารโรงงานในโครงการนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี, 4.อาคารคลังสินค้าในโครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์ค 1, 5.อาคารคลังสินค้าในโครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์ค 2 และ 6. อาคารคลังสินค้าในโครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์ค 4" นายเผ่าพิทยากล่าว