น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ แถลงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในช่วงไตรมาส 3/59 ขยายตัว 3.2% จากการใช้จ่ายครัวเรือน และการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวดี ประกอบกับการส่งออกกลับมาเพิ่มขึ้น อีกทั้งสภาพัฒน์ยังคาดการณ์ GDP ปี 59 จะเติบโต 3.2% และ ปี 60 เติบโต 3-4% จากการส่งออก ลงทุนรัฐ การท่องเที่ยวและเกษตรฟื้น
รวมถึง MSCI เพิ่มน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยจาก 2.2% เป็น 2.29% และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังรัสเซียพร้อมที่จะตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน รวมถึงคาดการณ์การประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.จะได้ข้อสรุปลดกำลังการผลิตน้ำมันลง
แต่ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13–14 ธ.ค.เนื่องจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานแข็งแกร่ง และ นักลงทุนต่างชาติ (Foreign) เป็น Net Sell เดือน พ.ย. 2.8 หมื่นล้านบาท และตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็น Net Sell 4.6 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 24 พ.ย. (ช่วงเช้า) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 1-2 พ.ย.ในวันที่ 30 พ.ย. , กำหนดการประชุมโอเปกที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในวันที่ 30 พ.ย.
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นหลังคาดการณ์ว่าการประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.จะได้ข้อสรุปการปรับลดกำลังการผลิตลง อีกทั้งคาดการณ์ตัวเลข GDP ไทยปี 59 จะเติบโตได้ตามเป้าที่ 3.2% ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม Fund flow ที่ไหลออกต่อเนื่องเป็นแรงกดดันที่ยังคงอยู่
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นแบบซิกแซก (มีสลับพักตัว) เพื่อทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,495–1,500 จุด แนะ "ซื้อเก็งกำไร" แบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มพลังงาน ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นแรง กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากราคายางพาราทำ High ในรอบ 1 ปี แนะนำ STA และTRUBB และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 รอบใหม่ แนะนำ GL, THAI และ BJC
นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยถึงแนวทางการลงทุนในทองคำว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังปรับลงต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้าแต่ยังคงมีปัจจัยกดดันจากความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วง 13-14 ธ.ค.นี้ หลังนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน และนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ รวมถึงนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม
ขณะที่ล่าสุดนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในไม่ช้าและจะมีความเสี่ยงหากเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป ประกอบกับที่มีกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในประเด็นการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.นี้ รวมถึงมุมมองที่เป็นบวกต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ จะลดความน่าสนใจการลงทุนในตลาดทองคำ
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค เริ่มฟื้นตัวสร้างแท่งเทียนสัญญาณบวกหลังลงมาใกล้จบแนวลงรูปแบบ ROUNDING TOP ประกอบกับค่าสัญญาณ RSI ปรับขึ้นจากภาวะขายมากและมีภาวะ BULLISH DIVERGENCE เกิดขึ้นพร้อมกันเป็นแรงหนุนเสริมทำให้ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,200-1,195 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,240-1,245 เหรียญต่อทรอยออนซ์