นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) คาดว่ากำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันในไตรมาส 4/59 จะดีกว่าไตรมาส 3/59 โดยปัจจุบัน GIM ดังกล่าวอยู่ในระดับ 12-13 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากมาร์จิ้นโรงกลั่นน้ำมันดีขึ้น ขณะที่มาร์จิ้นของธุรกิจปิโตรเคมีทรงตัว
ปัจจุบัน ส่วนต่าง (สเปรด) ของผลิตภัณฑ์น้ำมันเบนซินยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าที่คาด และน้ำมันเตาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก จากภาคการขนส่ง และการใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ส่วนสเปรดของผลิตภัณฑ์ดีเซลและน้ำมันอากาศยานยังทรงตัว โดยความต้องการใช้น้ำมันดีเซลขึ้นอยู่กับภาวะอากาศหนาวเป็นสำคัญ
สำหรับผลกระทบจากสต็อกน้ำมันนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าในไตรมาส 4/59 จะมีกำไรหรือขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน โดยยังต้องรอดูราคาน้ำมันในช่วงปิดไตรมาสว่าจะเป็นอย่างไร และจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ว่าจะมีการลดกำลังการผลิตน้ำมันตามที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะจะส่งผลต่อระดับราคาน้ำมันในระยะต่อไป
นายสุกฤตย์ ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันฯได้เสนอต่อภาครัฐ เพื่อขอให้ปรับสัดส่วนการสำรองน้ำมันตามกฎหมายใหม่ให้มีความเหมาะสมและสมดุลกันระหว่างการสำรองน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป โดยปรับจากการสำรองน้ำมันดิบเป็น 3.5% ของปริมาณการใช้ จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 6% และปรับการสำรองน้ำมันสำเร็จรูปเป็น 3.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1% ซึ่งก็จะทำให้ยังคงมีปริมาณสำรองน้ำมันรวมกันระดับเดิมที่ 7% หรือราว 25 วัน
อย่างไรก็ตาม หากได้รับอนุมัติจากทางภาครัฐให้ปรับสัดส่วนการสำรองน้ำมันดังกล่าว ในส่วนของ IRPC ซึ่งส่วนใหญ่จะสำรองน้ำมันดิบเป็นหลักก็จะช่วยทำให้ลดภาระดอกเบี้ยของเงินทุนหมุนเวียนที่ใช้สำรองน้ำมันดิบได้ราว 170 ล้านบาท/ปี ส่วนการปรับเพิ่มสำรองน้ำมันสำเร็จรูปนั้น IRPC จะไม่ถูกกระทบมาก เพราะมีการสำรองอยู่ไม่มากเนื่องจากการขายน้ำมันส่วนใหญ่เป็นการขายส่ง โดยมีการขายปลีกในปริมาณไม่มากนัก