นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะอ่อนตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า เป็นการรับข่าวเต็มที่หลังจากที่มีรายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ช่วงวันที่ 1-2 พ.ย.ออกมาเมื่อคืนนี้ แสดงให้เห็นความน่าจะเป็นที่ขึ้นถึง 100% แล้วที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่ามากตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่เงินบาทก็อ่อนค่า ทำให้ Fund Flow กลับมาไหลออกอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี มองว่าในวันพรุ่งนี้หรือสัปดาห์หน้าหลังจากที่ตลาดฯตอบรับเรื่องเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเต็มที่แล้ว เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อาจจะถูก take profit ออกมาได้ และนักลงทุนต่างชาติก็อาจจะกลับมาซื้อได้เช่นกัน
สำหรับตลาดหุ้นไทยก็ยังมีปัจจัยหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯที่ออกมา และกำลังจะออกมาเพิ่มเติมอีก รวมถึงความคืบหน้าการลงทุนของภาครัฐฯ
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,485-1,500 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,083.18 จุด เพิ่มขึ้น 59.31 จุด (+0.31%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,380.68 จุด ลดลง 5.67 จุด (-0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,204.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.78 จุด (+0.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 166.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 101.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 13.39 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.01 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 10.43 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 พ.ย.59) 1,496.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.68 จุด (+0.72%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 713.53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 พ.ย.59) ปิดที่ 47.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 พ.ย.59) ที่ 7.65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.73 อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ หลังดอลลาร์แข็งตอบรับข้อมูลศก.สหรัฐดี
- นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 59 โดดเด่นทั้งปีสร้างผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ 15% รวมทั้งมีสภาพคล่องเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 5 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยปีนี้ที่ 53,443 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดจากการระดมทุนของหุ้นใหม่ที่จดทะเบียนเข้าตลาด หลักทรัพย์ฯ (ไอพีโอ) สูงสุด
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะยาว เช่น ตลาดจีน อินเดีย ไต้หวัน มาเก๊า ฯลฯ ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจากการยกเว้นค่าวีซ่าระยะเวลา 3 เดือน ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา
- นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์ในเดือน ต.ค. 2559 อยู่ที่ 1.03 แสนคัน ลดลง 7.23% เทีบบกับ ต.ค. 2558 มีมูลค่าส่งออก 5.39 หมื่นล้านบาท ลดลง 10.11% สาเหตุมาจากการส่งออกใน ตลาดสำคัญปรับตัวลดลง เช่น ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้
- ร.ฟ.ท.เล็งขยายเวลาสัญญาสายสีแดง หลังล่าช้ากว่าแผน 400 วัน อ้างติดปัญหาเวนคืนที่ดิน มั่นใจไม่กระทบภาพรวมยังเปิดเดินรถได้ตามแผน มิ.ย.63 ด้าน"อาคม"ยันถ้า กทม.ไม่จ่ายให้ รฟม.เดินรถสายสีเขียวเอง
- คลังแจงแจกเงินคนรายได้น้อยไม่หวังผลต่อจีดีพี ต้องการให้ความช่วยเหลือครอบคลุมทุกกลุ่ม เล็งออกมาตรการเพิ่มอีกก่อนสิ้นปี เพื่อพยุงเศรษฐกิจระยะสั้น ด้านเอกชนมองเศรษฐกิจไทยปีหน้าเผชิญการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและธุรกิจ แนะปรับตัวตั้งรับ
*หุ้นเด่นวันนี้
- VNG (ไอร่า) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 18 บาท มีการปรับสายการผลิต PB บางส่วนไปเป็น MDF คาดแล้วเสร็จ 4Q/59 ส่งผลกำลังการผลิต MDF เพิ่มจาก 0.87 ล้านลบม.เป็น 1.17 ล้านลบม.และผลิต PB ลดลงจาก 1.14 ล้านลบม.เป็น 0.84 ล้านลบม.คาดส่งผลดีความสามารถการทำกำไร โดยเฉพาะอัตรากำไรขั้นต้น MDF เฉลี่ย 34% สูงกว่า PB ที่เฉลี่ย 25% และมีแผนเข้าประมูลโรงไฟฟ้าชีวมวล พร้อมคาดปี 60 ผลงานมีโอกาสทำนิวไฮภายใต้การรับรู้กำลังการผลิตเต็มที่ ทั้ง MDF และ Laminate Flooring เพิ่มขึ้น 24% และ 19% ตามลำดับ และคาดกำไรสุทธิ 1,884 ล้านบาท โต 24% หรือ 1.20 บาท/หุ้น
- CK (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 38 บาท Backlog ณ สิ้น 3Q59 อยู่ที่ 7.1 หมื่นล้านบาท โดยหาก BEM ชนะสัมปทานส่วนต่อขยายสีน้ำเงินจะส่งดัน Backlog เพิ่มขึ้นสู่ 9.6 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ราว 3-5 ปี ส่วนทิศทางจนถึงสิ้นปี 60 ยังโตได้ดีตามการประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.10 แสนล้านบาท คาดเซ็นสัญญา Q1/60, สายสีเหลือง 5.19 หมื่นล้านบาท และสายสีชมพู 5.35 หมื่นล้านบาท คาดเซ็นสัญญา Q2/60 อีกทั้งมีรถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทาง รวม 1.0 แสนล้านบาท คาดทยอยเปิดประมูล Q4/59-Q1/60