นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวอีกว่า ปตท.ยังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อให้มีความเหมาะสม และเป็นเรือธง (Flagship) ของแต่ละธุรกิจในกลุ่ม ซึ่งในส่วนที่เป็นภาระหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจ จะอยู่ที่ปตท.โดยตรง ส่วนการดำเนินการในเชิงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดการแข่งขันกับเอกชนอื่น ก็จะดำเนินการโดยบริษัทที่เป็น Flagship ของปตท.ซึ่งจะทำให้ภาพการดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวและแข่งขันได้
ปัจจุบันบริษัทที่เป็น Flagship ของ ปตท.มีทั้งสิ้น 3 บริษัท ได้แก่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ,บมจ.ไทยออยล์ (TOP) และบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ซึ่งทั้ง 3 บริษัทมีธุรกิจครอบคลุมทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี โดยก่อนหน้านี้ก็ได้ศึกษารวมธุรกิจของทั้ง 3 บริษัท แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างใดเพิ่มเติม
"วันนี้ยังไม่ถึงจุดที่จะบอกได้ว่าจะควบรวมหรือไม่ ศึกษาอยู่ ประเมินอยู่ว่าแต่ละบริษัทมีโอกาสทางธุรกิจอย่างไร ธุรกิจโรงกลั่นที่จะเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปไม่ขยายตัวมาก แต่ปิโตรเคมีจะขยายตัวได้มากกว่า โอกาสเปิดกว้าง...แต่ ณ วันนี้ยังไม่เห็นความจำเป็น"นายเทวินทร์ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ TOP จะเข้าซื้อกิจการบมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) นั้น นายเทวินทร์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีข่าวดังกล่าว