โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) หลังคาดกำไรในช่วง 3 ปี (ปี 59-61) เติบโตเฉลี่ยเป็นตัวเลขสองหลักในแต่ละปี จากยอดขายจากต่างประเทศแข็งแรง โดยเฉพาะในจีนและอินโดนีเซียฟื้นตัวดี ขณะที่การเข้าซื้อหุ้น 40% ในบริษัท โคโคนัท แฟคทอรี่ จำกัด (CCF) ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปจากมะพร้าวภายใต้ยี่ห้อสินค้า ALL COCO เป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทในระยะยาวจากน้ำมะพร้าวที่กำลังเป็นที่นิยม และมีแผนส่งออกสินค้าตัวใหม่ภายในต้นปีหน้า
ราคาหุ้น SAPPE ช่วงบ่ายอยู่ที่ 34.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท (+2.26%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.08%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 35.50 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 39.50 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 39.00 น.ส.ภัทราพร บุญมาเลิศ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่าผลการดำเนินงานของ SAPPE ในปี 60 ได้ปัจจัยหนุนจากตลาดต่างประเทศเป็นหลัก อีกทั้งจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งเงินลงทุนใน CCF เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/59 เป็นต้นไป ขณะที่ยังมีแผนส่งออกสินค้าตัวใหม่ภายในต้นปีหน้า สำหรับกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ของ SAPPE คิดเป็น 82.3% ของประมาณการทั้งปี ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาดทำให้คงประมาณการกำไรปีนี้ไว้ที่ 380.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.7% จากปีก่อน โดยผลการดำเนินงานปีนี้จะโตจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ยอดขายรวมเติบโต 8.1% อยู่ที่ 2.72 พันล้านบาท จากยอดขายต่างประเทศโต 14.1% ฟื้นตัวจากจีนและอินโดนีเซีย อีกทั้งได้ส่วนหนุนจากการเติบโตในแถบตะวันออกกลาง อเมริกา และยุโรป ขณะที่ยอดขายภายในประเทศอ่อนตัวลงเล็กน้อย ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นมาที่ 43.5% จาก 40.7% ในปี 58 ตามความสำเร็จของโครงการลดต้นทุนการผลิตและการใช้อัตรากำลังการผลิตที่สูงขึ้น สำหรับ Sappe Trading (Shianghai) Co.,Ltd. ที่ได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าในจีน คาดว่าจะเริ่มจัดจำหน่ายสินค้าล็อตแรกในไตรมาส 1/60 นั้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโต เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้นแล้ว สินค้าดังกล่าวยังมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น "ปีนี้เติบโตดีได้รับแรงหนุนหลายอย่าง ที่จะหนุนการเติบโตในต่างประเทศ ราคาตอนนี้ซื้อเก็งกำไรได้ ส่วนแนวโน้มปี 60 จะโตต่อเนื่อง และก็จะมีส่วนเพิ่มเป็นรายได้จากโคโคนัทฯที่จะเข้ามาในปี 60"น.ส.ภัทราพร กล่าว นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ยังคงประมาณการกำไรสุทธิของ SAPPE ในปี 59 และปี 60 ที่ 387 ล้านบาท และ 464 ล้านบาท หรือเติบโต 29% และ 20% ตามลำดับ โดยยอดส่งออกจีนที่เริ่มค่อย ๆ ดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 60% ของปี 57 หลังจากที่ในปี 58 ลดลงจากการปรับโครงสร้างตัวแทนจำหน่าย พร้อมทั้งคาดว่ากำไรในช่วง 3 ปีนี้ (ปี 59-61) จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 19% จากยอดขายจีนที่เริ่มฟื้นกลับมาปกติ การเข้าซื้อกิจการ CCF จะเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทในระยะยาวจากน้ำมะพร้าวที่กำลังเป็นที่นิยม แต่ในระยะสั้นคาดว่าจะรับรู้ขาดทุนในช่วง 2 ปีนี้ (ปี 60-61) จากการเพิ่งเริ่มต้นขยายไลน์ผลิตสินค้าเครื่องดื่ม "งบไตรมาส 3/59 ออกมาดีขึ้นมากเมื่อเทียบ yoy เพราะจากฐานที่ต่ำ แต่ถ้าเทียบ qoq ลดลง เพราะปัจจัยฤดูกาล ยอดขายในประเทศทรงตัว แต่ยอดขายต่างประเทศแข็งแรง ส่งออกดีทั้งจากจีนและอินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้น ต่อไปติดตามหลังการเข้าซื้อกิจการโคโคนัทที่จะเป็นปัจจัยบวก จากปัจจุบันที่ upside เริ่มจำกัด จากราคาพื้นฐาน 34 บาท...แต่ในระยะยาวถ้าผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยม โคโคนัทก็จะเป็นกำไร จากปัจจุบันสินค้ายังผลิตได้น้อยเพราะเพิ่งซื้อกิจการเข้ามา"นายอภิชาติ กล่าว บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SAPPE มีกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ที่ระดับ 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น20.4% จากงวดปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 79% ของประมาณการทั้งปี ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 น่าจะอ่อนตัวลงเพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับภาวะการจับจ่ายใช้สอยที่ไม่สดใส จึงคาด SAPPE น่าจะปรับลดโปรโมชั่นหรืองานอีเวนท์ต่าง ๆ ลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 59-60 เติบโต 31.6% และ 19% ตามลำดับ โดยได้ปัจจัยหนุนการเติบโตจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ส่งออกไปจีนกลับมาเท่ากับที่เคยทำได้ในระดับสูงสุดในปี 57 หรือราว 300 ล้านบาท/ปี โดยตั้งสมมติฐานว่า SAPPE จะสามารถจัดตั้งบริษัทย่อยสำหรับการกระจายสินค้าในจีนได้ภายในไตรมาส 4/59 ถึงไตรมาส 1/60 บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 39.50 บาท การเข้าซื้อหุ้น CCF จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างการเติบโต เพราะเป็นกิจการที่มีศักยภาพสูงมากจากสินค้าที่มีรสนิยมดี และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งจะทำให้ SAPPE สามารถเพิ่มธุรกิจใหม่นี้เข้าไปในตลาดที่กว้างขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม SAPPE ถือหุ้นเพียงแค่ 40% ในปี 60-61 และ CCF จำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างในระยะสั้น ดังนั้น จึงคาดว่า CCF จะยังไม่สร้างผลกำไรให้กับบริษัทในปี 60 แต่จะช่วยสร้างกำไรให้กับSAPPE ราว 3% ในปี 61 ซึ่งหากธุรกิจนี้ฟื้นได้เร็ว และบริษัทซื้อหุ้นเพิ่มอีก 20% ในปี 61 ก็จะถือเป็น upside ประเมินว่ากำไรของ SAPPE จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 26% ในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี59-61) โดยคาดว่ารายได้จะโต 12% , 25% และ 19% ตามลำดับ จากการส่งออกที่คาดว่าจะโต 20% ,35% และ 25% และธุรกิจในประเทศที่คาดว่าปีนี้จะหดตัว 5% แต่จะเติบโตในปี 60 ที่ 12% และปี 61 เติบโต 2% ขณะที่มาร์จิ้นโดยรวมน่าจะทรงตัวในระยะ 3 ปีข้างหน้าจากแผนธุรกิจที่ชัดเจนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว