บริษัท ซีเอ็นเอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล คอมเมอร์เชียล ประกาศข้อตกลงความร่วมมือพันธมิตร และให้คำปรึกษา ระหว่าง บริษัท เทอร์เนอร์ บอร์ดแคสติ้ง ซิสเท็ม เอเชีย แปซิฟิค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค ร่วมกับ สถานีข่าวสปริงนิวส์ ทีวีดิจิทัล ช่อง 19 ในประเทศไทย ในกลุ่มบริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS)
ภายใต้ข้อตกลง สถานีข่าวสปริงนิวส์ ทีวีดิจิทัล ช่อง 19 จะออกอากาศ รายการ และเนื้อหา จากสถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น โดยมีการบรรยายข้อความใต้ภาพเป็นภาษาไทย ซีเอ็นเอ็น ยังจะเป็นที่ปรึกษา รวมไปถึงจัดการเทรนนิ่งให้กับ เจ้าหน้าที่ของ สปริงนิวส์ เพื่อให้ความร่วมมือนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกัน ภายใต้ความร่วมมือนี้ ซีเอ็นเอ็นยังจะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลของสปริงนิวส์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับซีเอ็นเอ็นต่อการรายงานข่าวเกี่ยวกับประเทศไทยด้วยเช่นกัน
อนึ่ง ณ ก.ค.59 NEWS ถือหุ้นในบริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในสัดส่วน 99.99%
นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า รายได้ในปี 60 จะเติบโตแบบก้าวกระโดดมากกว่า 200% เนื่องจากบริษัทมีสี่อแบบครบวงจร ขณะที่รายได้ในปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 240 ล้านบาท เนื่องจากเกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสื่อทั้งระบบในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
"ปีหน้า เราจะมีรายได้เพิ่มอีกมาก เพราะเรามีสื่อครบวงจรที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ชัดเจนในทุกรูปแบบ" นายธนาชัย กล่าว
พร้อมระบุว่า ในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก นับตั้งแต่การเช่าหัวหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจเป็นเวลา 30 ปี เพื่อขยายฐานสื่อเข้าสู่สิ่งพิมพ์ นอกเหนือจากรูปแบบของนิตยสาร โดยวันที่ 1 ธ.ค.59 จะออกหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ฟรีก๊อปปี้รายสัปดาห์ "BLT" ที่มีจำนวนพิมพ์ 500,000 ฉบับ ซึ่งสามารถหาโฆษณาได้เต็มหมดแล้ว
สำหรับรายได้ของบริษัทนั้น จะมาจาก 4 ส่วน คือ สิ่งพิมพ์ 25-30% ทีวี 25-30% นสพ.ฐานเศรษฐกิจ 25-30% วิทยุ 10%และที่เหลือเป็นรายได้จากสื่อใหม่
นายธนาชัย กล่าวว่า ความสำเร็จในการเจรจาเป็นพันธมิตรกับ CNN ครั้งนี้ มีสัญญา 5 ปี ซึ่งเป็นการสร้างความแตกต่างของการเป็นสถานีข่าวให้กับสปริงนิวส์ เพิ่มความน่าสนใจ สาระและความรู้ให้กับผู้ชม นอกเหนือจากรายการข่าวแล้วยังมีรายการทีวีมีชื่อเสียงของ CNN ด้วย ขณะเดียวกันสปิงนิวส์จะสนับสนุนข่าวในภูมิภาคให้กับ CNN ดังนั้นจึงต้องมีการฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี
"ยอดผู้ชมอาจไม่สูงขึ้นแต่จะได้เรื่องคุณภาพ โดยจะตั้งกลุ่มเป้าหมายคนระดับกลางขึ้นไป ซึ่งจะส่งผลดีในเรื่องการขายโฆษณาให้ตรงกับสินค้า" นายธนาชัย กล่าว
โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.60 สัดส่วนรายการของสถานี จะเป็นข่าวจาก CNN 30% ข่าวธุรกิจ 35% และข่าวอื่นๆ อีก 35%