นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST)ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ น่าจะผันผวนในกรอบสั้นๆ มีโอกาสที่จะปิดได้ทั้งแกนบวกและลบ ปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คือ ค่าเงินบาท (ดอลล่าร์) และตัวเลขเงินสำรองต่างประเทศ ที่ธปท.จะรายงานในช่วงบ่าย
ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุดซื้อขายคืนที่ผ่านมาหนึ่งวัน แต่ค่าดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) เดินหน้าต่อ เป็นสัญญาณถึงการคาดการณ์ของตลาดในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทรงๆ ตัวและเป็นลบในตลาดเอเซียหลายตลาด ซึ่งมาจากเรื่องของแรงขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่มีการขายหุ้นต่อเนื่อง แม้จะลดระดับลงบ้างก็ตาม
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันดับ WTI ยังเป็น sideway ข้อมูลตัวเลขการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่จะประชุมเพื่อสรุปในสัปดาห์หน้า มีผลต่อราคาน้ำมันมากที่สุดในเวลานี้รวมถึงตลาดหุ้นด้วย ตัวเลขการลดกำลังการผลิตรวมๆ น่าจะอยู่ในช่วง 0.7-1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน กล่าวคือ ยิ่งลดมากเท่าใด จะเป็นบวกต่อราคาน้ำมันและตลาดมากเท่านั้น แต่ถ้าลดน้อยกว่านี้ อาจถือว่าไม่มีนัยสำคัญ จะเป็นลบต่อราคาน้ำมันดิบ ตลาดกำลังรอดูการตัดสินใจของรัสเซียและอิหร่านที่มีการผลิตน้ำมันดิบที่มีการเปิดเผย 10.2 และ 3.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งสองประเทศนี้ยังไม่สามารถระบุกำลังการผลิตที่จะลดลงได้
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ สองตัวแปรที่มีผล คือ การขายของนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ที่มียอดขายสุทธิในเดือน พ.ย. รวมกัน 9.4 หมื่นล้านบาท นั้นจะหยุดขายลงเมื่อใด เราขอเพียงการขายที่ชะลอลง ก็น่าจะเป็นบวกต่อตลาดได้แล้ว อีกหนึงตัวแปร เป็นตัวแปรในทางบวกของตลาดอยู่แล้ว คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งการลงทุน (รถไฟฟ้า) และการอัดฉีดเงินเข้าระบบ ทั้งวิธี ลดภาษีและให้เงินมาเลย (Helicopter Money) ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการบริษัทในตลาดได้อานิสงค์จากการนี้ด้วย
ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้ จากวันก่อนที่พลิกความคาดหมายคือปรับตัวลง ด้วยแรงขายนักลงทุนต่างประเทศ ที่ตลาดกลับมากังวลต่อทิศทางดอกเบี้ย จึงอาจมีการชะลอการซื้อหรือขายทำกำไรช่วงสั้นก่อนเข้าสู่วันหยุด ซึ่งจะทำให้ตลาดวันนี้ น่าจะผันผวนในกรอบสั้นๆ
กลยุทธ์การลงทุนทิศทางตลาดยังคาดยาก อาจต้องรอให้ผ่านช่วงวันหยุดนี้ไปก่อน ยังแนะนำเก็งกำไรช่วงสั้นๆ หุ้นกลุ่มเด่นๆ เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ หุ้นที่จ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง (high dividend) และหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก (โดยปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยน หรือกำลังจะดีขึ้น) หุ้นแนะนำสำหรับเก็งกำไรในช่วงสั้น ได้แก่ ADVANC,DIF,MC,ROBINS,UV มองกรอบดัชวันนี้ที่ 1,486-1,500 จุด