บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เข้าบริหารจัดการเขตปลอดอากรและคลังสินค้าแทน กิจการร่วมค้า ยูนิเวอร์แซล เอวีเอชั่น เซอร์วิสเซส (UAS) แล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.59 เป็นต้นไป หลังจากบอกยกเลิกวสัญญากับบริษัทดังกล่าว ซึ่งจะทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพและส่งผลให้การบริการด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เป็นบริการสาธารณะและเป็นหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องไม่มีการหยุดชะงัก
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. เปิดเผยว่า จากกรณีที่ UAS ร้องเรียนว่า ทอท. ค้างจ่ายเงินค่าจ้างเป็นเงิน 146 ล้านบาทเศษนั้น กรณีนี้มีสาเหตุมาจาก UAS ส่งมอบงานไม่ครบถ้วนถูกต้อง และในระหว่างการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างฯ ทอท. ตรวจพบว่า UAS ปฏิบัติผิดสัญญาหลายประการ และไม่ให้ความร่วมมือกับ ทอท. ในการปฏิบัติตามสัญญาจ้างฯ เป็นเหตุให้ ทอท. ไม่สามารถพัฒนาเขตปลอดอากร ทสภ.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลกระทบต่อกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศของประเทศ
โดยที่ผ่านมา ทอท.ได้มีหนังสือแจ้งให้ UAS แก้ไขการปฏิบัติผิดสัญญาหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 ส.ค.59 ทอท. ได้มีหนังสือแจ้งคำขาดให้ UAS แก้ไขการปฏิบัติผิดสัญญา ให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือจาก ทอท. แต่ปรากฏว่า UAS ไม่แก้ไขการปฏิบัติผิดสัญญาเช่นว่านั้นได้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ทอท. จึงได้มีหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาจ้างฯ โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.59 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการใช้สิทธิตามเงื่อนไขสัญญาฯ และ ทอท. จะเข้าบริหารจัดการเขตปลอดอากร ทสภ. นับแต่วันที่เลิกสัญญา ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการที่ ทอท. จะพัฒนาเขตปลอดอากร และบริการสาธารณะต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนกิจการการขนส่งสินค้าทางอากาศของประเทศต่อไป
นายศิโรตม์ กล่าวว่า ก่อนที่ ทอท.จะบอกเลิกสัญญาจ้างฯ กับ UAS ทอท.ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแก้ไขปัญหาข้อพิพาทดังกล่าว ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกันเรื่อยมาตั้งแต่ปี 55 และคณะกรรมการ ทอท. ได้มีมติเมื่อเดือน ก.พ.59 มอบหมายให้กรรมการ ทอท. มาแก้ไขปัญหาข้อโต้แย้งให้ได้ข้อยุติ ซึ่งได้มีการประชุมกันหลายครั้งและสามารถหาข้อยุติได้ในเรื่องการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายส่วนที่เบิกคืนได้ในส่วนที่เป็นค่าจ้างพนักงานและลูกจ้างของ UAS โดย UAS ยินยอมส่งหลักฐานมาให้ ทอท. เป็นเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงิน ส่วนเรื่องผิดสัญญาอื่น ๆ UAS ไม่ยินยอมแก้ไข ทำให้ผลการประชุมร่วมระหว่าง UAS กับ ทอท. ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่วางไว้ ทอท. จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องบอกเลิกสัญญากับ UAS และเข้าบริหารจัดการเขตปลอดอากร ทสภ.เอง ทั้งนี้ การบอกเลิกสัญญาจ้างฯ ในกรณีนี้เป็นเรื่องทางแพ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ หากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทั้งนี้ ประเด็นข้อพิพาททั้งหมดคงเป็นเรื่องที่แต่ละฝ่ายจะต้องนำหลักฐานแสดงต่อศาลเพื่อพิจารณาให้ได้ข้อยุติต่อไป
นายศิโรตม์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการบริหารงานเขตปลอดอากรและคลังสินค้า ณ ทสภ. ภายหลังจากที่ ทอท. ได้เข้ามาดำเนินการแทน UAS นั้น ทอท. ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติงานแทนโดยทันที เพื่อให้การดำเนินงานและบริการสาธารณะต่าง ๆ ไม่สะดุดหยุดลง และเป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อกิจการนำเข้าและส่งออกสินค้า ณ ทสภ. รวมทั้ง การกำกับดูแลผู้ประกอบต่าง ๆ ภายในเขตปลอดอากรและพื้นที่สนับสนุนเขตปลอดอากร
การที่ ทอท. เข้าบริหารจัดการเขตปลอดอากร ทสภ. ในครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะในส่วนของพนักงาน และลูกจ้างเดิมของ UAS หากสมัครใจปฏิบัติงานต่อไป ทอท. ยินดีพิจารณารับสมัครไว้เป็นลูกจ้างหรือพนักงานจัดจ้าง (Outsource) ของ ทอท. ตามความรู้ ความสามารถ และในส่วนการบริการสาธารณะต่าง ๆ ในเขตปลอดอากร ทอท. จะเข้ามาบริหารงานและดูแลมิให้การดำเนินงานได้รับผลกระทบ รวมทั้ง ทอท. สามารถเข้าไปดูแลซ่อมแซมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในเขตปลอดอากรที่ชำรุดทรุดโทรมมานานให้กลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจและให้ความร่วมมือกับ ทอท. ในการเข้าบริหารจัดการเขตปลอดอากร ทสภ.ในครั้งนี้
ทั้งนี้ผู้ประกอบการหรือผู้ที่จะมาติดต่อทำธุรกรรมในเขตปลอดอากร ทสภ. สามารถติดต่อ ทอท. ได้โดยตรงที่ศูนย์บริหารพื้นที่เขตปลอดอากรและคลังสินค้า
อนึ่ง ทอท. ได้ทำสัญญาว่าจ้าง กิจการร่วมค้ายูนิเวอร์แซล เอวิเอชั่นเซอร์วิสเซส (UAS) ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เจ็มมินาย ทรานสปอร์ต แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด, บริษัท แอร์ไลนส์ เอเยนซี่ จำกัด และนายสมโภชน์ ทรงพิพัฒน์ เป็นผู้บริหารและจัดการด้านการขนส่งสินค้าภายในเขตปลอดอากร ณ ทสภ. ตามสัญญาเลขที่ 6CS3 – 541009 ลงวันที่ 8 ต.ค.53 มีกำหนด 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.53-8 ต.ค.63 มีค่าจ้างบริหารงานทั้งสิ้น 4,430 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)