นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (28 พ.ย.) มองกรอบดัชนีที่ 1,495-1,510 จุด คาดว่าด้วยปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศ ที่มีแนวโน้มนทางบวกจะมีอิทธิพลต่อตลาดอยู่ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯมีโอกาสที่จะเดินหน้าต่อแต่อาจมีกรอบจำกัด เนื่องจากความไม่ชัดเจนต่อทิศทางดอกเบี้ย (Fund Flow) และราคาน้ำมันดิบ ที่ปรับตัวลดลง
สำหรับภาพของตลาดต่างประเทศนั้นนักลงทุนตอบรับในทางบวกต่อนโยบายเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯเอง แม้ค่าดอลล่าร์จะเริ่มอ่อนค่าลงก็ตาม
ขณะที่ราคาน้ำมันเป็นตัวแปรที่ไม่นิ่ง หลังซาอุดิอาราเบียปฎิเสธการเข้าประชุมกับผู้ผลิตรายอื่นที่จะประชุมในวันนี้ ทำให้ตลาดต้องไปรอดูท่าทีของรัสเซียและประเทศอื่นๆ ที่จะประชุมกันเองในวันนี้แทน ผลต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมันจึงออกไปในทางลบ แต่จะเป็นบวกต่อผู้ผลิตปิโตรเคมีที่ได้อานิสงส์จากต้นทุนที่ต่ำ และสถานะการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังคงเป็นบวก
ทั้งนี้ ปัจจัยภายในประเทศเช่นเดียวกับวันก่อน คือ การขายของนักลงทุนต่างประเทศ ยังเป็นตัวกดดันต่อตลาดหุ้นในวันนี้อยู่ต่อไป แต่จะมีผลต่อหุ้นขนาดใหญ่ที่ขาดปัจจัยบวก ขณะเดียวกัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่คาดจะทยอยออกมาเรื่อยๆ ทั้งการลงทุนและการอัดฉีดเงินเข้าระบบ เป็นบวกต่อหุ้นขนาดกลาง-เล็ก หลายๆตัว และผลประกอบการของตลาดโดยรวมที่จะเป็นบวกตามไปด้วย
"กลยุทธ์การลงทุนเรายังแนะนำเก็งกำไรช่วงสั้นๆ หุ้นกลุ่มเด่นๆ เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ หุ้นที่จ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง (high dividend) และหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก(โดยปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยน หรือกำลังจะดีขึ้น) หุ้นแนะนำสำหรับเก็งกำไรช่วงสั้นได้แก่ ADVANC , DIF , GLOBAL , SMT "นายมงคล กล่าว