บมจ.บ้านปู (BANPU) คาดว่าในปี 60 ปริมาณขายถ่านหินจะสูงกว่าปีนี้ที่มีปริมาณขายราว 45 ล้านตัน ส่วนหนึ่งน่าจะได้รับผลดีจากนโยบายของนายโดนีลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐที่จะสนับสนุนการใช้พลังงานจากถ่านหินมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าถ่านหินไปแล้วราว 40% และคาดว่าช่วงต้นปีหน้าจะเพิ่มเป็น 80%
ด้านราคาขายถ่านหินในปี 60 ก็น่าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 75-85 เหรียญสหรัฐ/ตัน หลังจากราคาทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ปี ซึ่งขณะนี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU เปิดเผยว่า บริษัทคาดปริมาณการขายปี 60 จะมากกว่าปีนี้ที่น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 45 ล้านตัน ซึ่งปัจจุบันได้มีการขายล่วงหน้าแล้ว 40% ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 36% ของปริมาณที่ทำสัญญาขายล่วงหน้าไปแล้วจะเป็นการกำหนดราคาลอยตัว ส่วนอีก 4% กำหนดราคาคงที่
แนวโน้มความต้องการถ่านหินในโลกยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ที่สนับสนุนให้มีการใช้พลังงานจากฟอสซิล ซึ่งถ่านหินก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ส่งผลให้การส่งออกถ่านหินของสหรัฐปรับตัวลดลง ประกอบกับความต้องการในตลาดโลกยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยคาดว่าราคาขายถ่านหินปีหน้าจะเฉลี่ยปีหน้า 75-85 เหรียญสหรัฐ/ตัน สูงกว่าเฉลี่ยปีนี้ที่ราว 50 เหรียญสหรัฐ/ตัน
"แผนการทำราคาถ่านหินปีหน้า คาดว่าจะแถลงรายละเอียดได้ในเดือน ก.พ.60 แต่เบื้องต้นประเมินว่า ผลการดำเนินงานในปีหน้าจะสูงกว่าปีนี้ ตามแนวโน้มราคาถ่านหินที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยมองว่าราคาถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังราคาปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา"นางสมฤดี กล่าว
สำหรับการลงทุนในธุรกิจถ่านหินปี 60 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 135 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ แบ่งเป็นลงทุนที่เหมืองอินโดนีเซีย 35 ล้านเหรียญสหรัฐ และเหมืองที่ออสเตรเลีย 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
"เราคาดว่าปีหน้าผลประกอบการจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากราคาถ่านหินที่ปรับตัวผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ซึ่งจะเห็นได้จากช่วงที่ผ่านมาที่ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราก็สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดีมาโดยตลอด นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง "นางสมฤดี กล่าว
นางสมฤดี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาซื้อเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียเพิ่มเติม ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับเหมืองเดิมของบริษัทฯ เพื่อที่จะขยายอายุปริมาณสำรองถ่านหินของบริษัทเพิ่มเป็น 15 ปี ภายในระยะเวลา 5 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 8 ปี โดยคาดว่าปี 60 จะเห็นความชัดเจนในการเข้าซื้อเหมืองดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังคงแผนเข้าซื้อกิจการในธุรกิจ Shale oil & gas ในสหรัฐฯเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่บริษัทมีสินทรัพย์ในธุรกิจดังกล่าวมูลค่ารวม 130 ล้านเหรียญสหรัฐ