นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ที เอส ฟลาวมิลล์ (TMILL) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 60 เติบโตมากกว่า 10% และกำไรสุทธิก็น่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน โดยมองปริมาณความต้องการแป้งสาลีน่าจะดีขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจ (GDP) ในปีหน้าที่คาดจะขยายตัวได้ราว 3.5-4% ประกอบกับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานจะเริ่มเห็นเม็ดเงินลงไปสู่ระดับผู้มีรายได้น้อย จึงมองว่าน่าจะเป็นบวกต่อการจำหน่ายแป้งสาลีด้วย
ทั้งนี้กลยุทธ์การดำเนินงานในปีหน้า บริษัทฯจะมีการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น เช่น ลูกค้า SME และจะขยายไปยังลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้น จากเดิมจะเน้นลูกค้าในกรุงเทพฯ-ปริมาณฑลเป็นส่วนใหญ่
ขณะเดียวกันก็จะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมให้มีการสั่งซื้อมากขึ้น โดยบริษัทฯยังคงลงทุนในเรื่องของงานวิจัย (R&D) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการแต่งตั้งทีมงานเพื่อเข้ามาดูแลการต่อยอดผลิตภัณฑ์แป้งสาลีที่จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับธุรกิจของลูกค้า โดยวางงบลงทุนในปีหน้าไม่ต่ำกว่าหลักล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ในปีหน้า โดยกำลังการผลิตที่มีอยู่ปัจจุบันยังสามารถรองรับกับปริมาณความต้องการแป้งสาลีได้อีกมาก โดยปีหน้าคาดอัตราการใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นราว 10% จากปีนี้อยู่ที่ 65% โดยบริษัทได้มีการเจรจาเพื่อจำหน่ายแป้งสาลีให้กับลูกค้าในปีหน้าแล้วหลายราย และมีคำสั่งซื้อเข้ามายาวไปจนถึงเดือน ธ.ค.60
นายชาญกฤช กล่าวอีกว่า บริษัทยอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน หลังจากมีการเปลี่ยนผู้นำของสหรัฐ ซึ่งเบื้องต้นมองว่าค่าเงินบาทน่าจะปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับ 35.00 บาท/ดอลลาร์แล้ว ทำให้อาจจะกระทบต่อต้นทุนข้าวสาลี แต่บริษัทก็มีการทำป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามสัดส่วนการใช้สกุลเงินที่ต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศไว้ล่วงหน้าแล้ว
ส่วนราคาข้าวสาลีในปี 60 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าปริมาณไม่ได้ขาดแคลน แต่คุณภาพบางส่วนอาจต่ำลง ส่งผลทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งบริษัทฯก็จะมีการตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างเข้มงวด
นายชาญกฤช กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 59 บริษัทคาดว่ารายได้น่าจะเติบโตได้ราว 10% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และกำไรสุทธิก็น่าจะเป็นไปตามรายได้ จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,286.78 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 56.86 ล้านบาท โดยมองแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/59 น่าจะดีกว่าไตรมาส 3/59 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และเป็นไปตามปริมาณความต้องการแป้งสาลีที่สูงขึ้น รวมถึงปริมาณการขายก็สูงขึ้นด้วย