นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ดัชนีน่าจะแกว่งในกรอบแคบรอปัจจัยใหม่ๆ หรือทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ รวมถึงราคาน้ำมันให้มีความชัดเจนขึ้น โดยให้กรอบการแกว่งตัวที่ 1,495-1,505 จุด
Dollar Index ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 4.4% เพิ่งจะมาปรับตัวลง 4 วันที่ผ่านมาประมาณ 0.9% เป็นผลจากแรงขายทำกำไร ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากตลาดรับรู้ในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะปรับตัวขึ้น ทั้งการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ และในปีหน้า
ขณะที่นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้นถูกพูดถึงน้อยลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ลงมาต่ำกว่า 3.0% ดัชนีฯตลาดหุ้นสหรัฐฯชะลอการขึ้นลงเช่นกัน การที่ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่เป็นบวกจากนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น อาจไม่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะต้องการเห็นการสูงขึ้นของตัวแปรเหล่านี้มากกว่าในเวลานี้ โดยการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ครั้งที่สองของสหรัฐฯ ในคืนนี้ คาดว่าจะสูงขึ้นจากตัวเลขรายงานครั้งแรก 2.9% เป็น 3.0% และการรายงานตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อขาย
ส่วนราคาน้ำมันยังมีทิศทางที่ไม่แน่นอนการประชุมของผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม OPEC ไม่มีความคืบหน้าใดๆ นักลงทุนจึงอาจต้องไปรอดูการประชุม OPEC ในวันที่ 30 พ.ย.นี้เลย ผลการประชุมครั้งนี้ประเมินว่าจะออกได้ทั้งสองทาง คือ ทั้งบวกและลบ การลดกำลังการผลิตในระดับที่ต่ำกว่า 7 แสนบาร์เรล/วัน เราเห็นว่าอาจมีนัยสำคัญต่อราคาน้ำมันในระดับที่น้อย (เป็นลบต่อราคาและหุ้นน้ำมัน)
ด้านปัจจัยในประเทศ ตัวเลขส่งออกที่รายงานไปวานนี้ลดลงจากปีก่อน 4.22% และเป็นการลดลงทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรมจะเป็นตัวถ่วงหุ้นที่อิงกับสินค้าที่มีการส่งออกลดลง มีเพียงสินค้าในกลุ่มอาหารแปรรูป (แช่แข็ง) ที่ยังมีการเติบโตดี ส่วนปัจจัยเดิมๆ ที่เป็นบวกต่อตลาด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล วันนี้ น่าจะรอดูผลการประชุม ครม.ว่าจะมีมาตรการใหม่ๆออกมาหรือไม่
"ปัจจัยที่ถ่วงตลาดมีเข้ามามากขึ้น (ราคาน้ำมัน-ตัวเลขส่งออก) การเข้าเก็งกำไรจึงต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากดัชนีฯอาจวิ่งสลับบวกสลับลบในระหว่างวัน แต่นักลงทุนที่ต้องการเข้าถือเพื่อลงทุน แนะนำให้ทยอยเข้าซื้อ หุ้นกลุ่มที่มีความน่าสนใจ จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยเอง และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่สูง หุ้นเด่น BJC , GLOBAL , THREL , SMT ,PAP มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,495-1,505 จุด"