นายรณชิต. มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ลงเหลือเติบโต 4-5% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะเติบโตได้ 6-7% เนื่องจากมีปัจจัยเข้ามากระทบในช่วงครึ่งปีหลังทั้งเหตุการณ์ช่วงถวายความอาลัย การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งมีผลกระทบไม่มาก และเหตุระเบิดในภาคใต้ในช่วงเดือน ส.ค.59 ทำให้โรงแรมที่หัวหินได้รับผลกระทบ
สำหรับเหตุการณ์ที่ประเทศอยู่ในช่วงถวายความอาลัยนั้น ทำให้มีการยกเลิกการจัดเลี้ยง และการจัดอีเวนท์ต่าง ๆ ในช่วงไตรมาส 4/59 คิดเป็นวงเงินประมาณ 60 ล้านบาท และอีก 20 ล้านบาทในไตรมาส 1/60 แต่ขณะนี้ได้ทยอยกลับมาจองสถานที่ใหม่แล้ว
ในส่วนของอัตราเข้าพัก คาดว่าอัตราเข้าพักสิ้นปีนี้จะไม่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 59 ที่ 82-83% แม้ในเดือน ต.ค.จะไม่เติบโต เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยหายไป แต่ได้นักท่องเที่ยวยุโรปมาทดแทน และขณะนี้เริ่มมียอดจองเข้ามาเพิ่มขึ้นแล้ว
นอกจากนี้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทยเที่ยว จึงเชื่อว่าในเดือน ธ.ค.ธุรกิจโรงแรมจะกลับมาดีขึ้น โดยตัวเลขของทางการคาดว่าไตรมาส 4/59 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 9.1 ล้านคน และทั้งปี 59 มีจำนวนรวม 33 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนที่มีจำนวน 29.88 ล้านคน
นายรณชิต ยังคาดว่า รายได้รวมในปี 60 จะเติบโต 4% เป็นการเติบโตจากธุรกิจโรงแรมราว 3-4% ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปีหน้าที่คาดว่าจะขยายตัว 8% จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 34 ล้านคน ซึ่งบริษัทคาดว่ามีอัตราเข้าพัก 81-82% และบริษัทยังจะเข้าบริหารโรงแรมใหม่ 4 แห่ง คือ โดฮา 2 แห่ง, โอมาน และไทย รวมจำนวนห้องพัก 897 ห้อง รวมทั้งจะเปิดโรงแรมใหม่ ชื่อ Cosy เป็นโรงแรม 2 ดาว หรือ Budget Hotel ขนาด 151 ห้องที่เกาะสมุยปลายปี 60
ด้านธุรกิจอาหาร คาดว่าจะเติบโตราว 5-6% ซึ่งจะมาจากการขยายร้านสาขาอีกกว่า 50 สาขา โดยเน้นร้านเคเอฟซี 20 สาขา จากปีนี้ขยายไปกว่า 30 สาขา ซึ่งทำให้สาขาเพิ่มขึ้นเป็น 828 สาขาในสิ้นปี 59 และจะเพิ่มเป็น 578 สาขาในสิ้นปี 60 ขณะที่ยอดขายร้านเดิมคาดว่าจะเติบโตราว 1-2%
ทั้งนี้ ในปี 60 บริษัทตั้งงบลงทุนราว 1.2 พันล้านบาท แบ่งเป็น 600 ล้านบาทใช้ในธุรกิจโรงแรม เน้นการใช้ปรับปรุงโรงแรมเดิม และอีก 600 ล้านบาทใช้ลงทุนขยายสาขาร้านอาหาร
นายรณชิต เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่ตะวันออกกลางและมัลดีฟ ขณะที่การร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติเพื่อลงทุนโรงแรมในเมืองดูไบ ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ธ.ค.นี้. ทั้งนี้ CENTEL จะเข้าร่วมทุน 40% ใช้เงินลงทุนประมาณ 2.4-2.5 พันล้านบาท
นอกจากนี้ใน 2-3 ปีนี้บริษัทเตรียมเข้าบริหารโรงแรมในต่างประเทศ ได้แก่ จีน คิวบา ลาว และ ประเทศในตะวันออกกลาง ขณะที่มีวางแผนในระยะ 5 ปีนี้ (ปี 60-64) จะเปิดโรงแรม Cosy อีก 20-25 แห่งทั้งเป็นเจ้าของเองและภายใต้สัญญาบริหาร โดยขณะนี้บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรม Cosy แล้ว 2 แห่งคือ ที่เกาะสมุย และพัทยา ซึ่งกำลังเตรียมการก่อสร้าง
นายรณชิต กล่าวอีกว่า CENTEL ตั้งเป้าภายในปี 64 จะมีจำนวนสาขาร้านอาหารมากกว่า 1,000 แห่ง และโรงแรมมากกว่า 14,000 ห้อง แบ่งเป็นเจ้าของเอง 40% และอยู่ภายใต้การบริหาร 60% จากปี 59 ที่มีจำนวนสาขา 828 สาขา และมีจำนวนห้อง 7,566 ห้อง เป็นเจ้าของเอง 50% และภายใต้สัญญาบริหาร 50%. ซึ่งการเข้าบริหารโรงแรมมีสัดส่วนมากขึ้นก็จะทำให้มีมาร์จิ้นสูงขึ้นด้วย
บริษัทยังมองหาโอกาสลงทุนธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศเพิ่มเติมอีก เพราะปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ( D/E) ต่ำมาก หรืออยู่ที่ 0.76 เท่า ณ สิ้น ก.ย.59 ซึ่งขณะนี้บริษัทมีหนี้สินรวม 8,118 ล้านบาท โดยสัดส่วน 62% มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ และบริษัทอยู่ระหว่างรีไฟแนนซ์หนี้ของโรงแรมมัลดีฟ จำนวน 20.4 ล้านเหรียญสหรัฐที่มีอัตราดอกเบี้ย Libor +3% คาดว่าจะทำให้ต้นทุนการเงินลดลงอย่างน้อย 1% รวมกับการปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจะทำให้มีผลกำไรดีต่อเนื่องจากปีนี้