นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการ รฟม. (กลยุทธ์และแผน) ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง เปิดเผยว่า รฟม.ได้พิจารณาเอกสารข้อเสนอซองที่ 1 (ด้านคุณสมบัติและเทคนิค) เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ผลการพิจารณาปรากฏว่าผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 2 ราย ได้แก่ กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) และ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ผ่านการพิจารณาด้านคุณสมบัติและเทคนิค
และในวันนี้ (29 พ.ย.) คณะกรรมการฯ จะเปิดซองเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 (ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน) และจะเร่งรัดพิจารณาข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนซึ่งมีรายละเอียดที่จะต้องปรึกษาและตรวจรับจำนวนมากอย่างรอบคอบซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนที่ดีที่สุดได้ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.59
จากนั้นคณะกรรมการฯ จะพิจารณาประเด็นเจรจาต่อรองและเริ่มการเจรจากับผู้ยื่นข้อเสนอที่ได้รับการคัดเลือก ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบประมาณเดือน มี.ค.-เม.ย.60 เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายไว้ ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ประมาณ 1 เดือน และคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาจ้างได้ภายในเดือน เม.ย.60
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง เป็นโครงการในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดย รฟม. ลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและเอกชนผู้รับสัมปทานลงทุนด้านโครงสร้างงานโยธา งานระบบและขบวนรถไฟฟ้า (รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง) และให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา รวมถึงเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสาร (PPP Net Cost) มีระยะเวลาสัมปทานทั้งสิ้น 33 ปี 3 เดือน
โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1: งานออกแบบและก่อสร้างงานโยธา พร้อมติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้า เป็นระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน และระยะที่ 2: งานให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา เป็นระยะเวลา 30 ปี ทั้งนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ มีมูลค่าลงทุนรวม 53,519.50 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ มีมูลค่าลงทุนรวม 51,931.15 ล้านบาท