นายสุรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) (CNT) คาดว่า กำไรและรายได้ในปี 60 น่าจะดีกว่าปีนี้ที่คาดรายได้จะทำได้ตามเป้าหมาย 6.5 พันล้านบาท เนื่องจากภาครัฐจะทยอยเปิดประมูลงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีนี้ ทั้งโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 โครงการรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง, โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และ โครงการมอเตอร์เวย์ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะมีโอกาสเข้าร่วมรับงานในกลุ่มดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจเข้าประมูลงานสร้างคลังก๊าซ LNG ของ บมจ.ปตท (PTT) ด้วย
“ปีหน้าทั้งรายได้และกำไร เราจะดูดีกว่าปีนี้ ถ้าได้งานเมกะโปรเจ็กเข้ามาทำให้เรามี Backlog เพิ่ม ปีนี้และปีหน้า จะเน้นไปที่งาน Infrastructure ภาครัฐ ถ้าเราไปเองไม่ได้ก็จะจับมือกับพาร์ทเนอร์ เชื่อว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีขึ้น"นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับการเข้ารับงานภาครัฐนั้น ส่วนใหญ่บริษัทจะจับมือกับพันธมิตรเข้าประมูลงาน โดยในปีนี้บริษัทร่วมกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น (CRCC) เข้าประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม ในสัญญาที่ 5 มูลค่าราว 4.9 พันล้านบาท ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง บริษัทไม่ได้เข้าร่วมประมูล เพราะพิจารณาแล้วมีความเสี่ยง
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 8 พันล้านบาทไม่รวมงานภาครัฐ จากสิ้นเดือน ก.ย.59 อยู่ที่ 7.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานภาครัฐและงานก่อสร้างถนนในสัดส่วน 47% ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 60 ในสัดส่วน 50% ของมูลค่า Backlog ดังกล่าว
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทตั้งงบลงทุนเพิ่มเป็น 300-400 ล้านบาท จากปกติใช้งบลงทุนปีละ 200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มจำนวนเครื่องจักรรองรับการรับงานภาครัฐเพิ่มมากขึ้น และบริษัทยังมีแนวโน้มจะเข้าไปรับงานในเมียนมา ซึ่งบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยเป็นงานก่อสร้างคลังสินค้า และโรงงาน ของลูกค้ารายเดิมของบริษัทที่เข้าไปขยายธุรกิจ เช่นเดียวกับที่กัมพูชา
ส่วนเงินลงทุน นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทมีโอกาสกู้เงินเพิ่มได้ เพราะปัจจุบัน (สิ้น ก.ย.59) บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.45 เท่า โดยขยายได้ถึง 2 เท่าเป็นอย่างน้อย หรืออาจจะได้มากกว่านี้
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าจะผลักดันอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ให้เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 5% และอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 7% ภายใน 1-2 ปีข้างหน้านี้ จาก ณ สิ้นเดือน ก.ย.59 อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.43% และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 6.55% ตามลำดับ โดยในอดีตเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา CNT เคยทำอัตรากำไรในระดับดังกล่าวได้ และโครงการที่ขาดทุนก็จบไปแล้ว