หุ้น TNR ปิดเทรดวันแรกที่ 25.75 บาท เพิ่มขึ้น 9.75 บาท (+60.94%) จากราคาขาย IPO ที่ 16 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 3,211.28 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 27 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 27.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 25.00 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินราคาเป้าหมายสำหรับปี 2560 ของหุ้น บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) ที่ 20.00 บาท อ้างอิงระดับ PE แบบอนุรักษ์นิยม ที่ 20 เท่า เทียบกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดต่างประเทศ ณ ราคาเป้าหมายคิดเป็นระดับ Forward PER 20 เท่า และ ระดับ PEG ต่ำเพียง 0.75 นอกจากนี้ ยังคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลจะอยู่ที่ราวร้อยละ 2.0 ต่อปี
ทั้งนี้ ประเมิน ณ สิ้นปี 2559 บริษัทจะมีรายได้รวมราว 1,283 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่ราวร้อยละ 32.0 ซึ่งจะส่งผลให้คาดว่ามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 237 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 1.3 จากปีก่อน ทั้งนี้คาดกำไรปี 2560 และปี 2561 อยู่ที่ 300 ล้านบาท และ 327 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย(CAGR)ปี2559-2561 ราวร้อยละ 17.5 ต่อปี
TNR มีจุดเด่นในการลงทุนดังนี้ (1) TNR มีเครื่องหมายการค้าที่แข็งแกร่ง และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า OnetouchTM มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง (2) โรงงานของ TNR มีกำลังการผลิตสูงเป็นรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และสามารถผลิตถุงยางอนามัยได้อย่างมีคุณภาพ (3) TNR สามารถพัฒนาด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า (4) TNR เลือกสถานที่ตั้งโรงงานที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน (5) TNR มีศักยภาพในการออกแบบและพัฒนาเครื่องจักรด้วยตนเอง (6) TNR เป็นผู้ผลิตที่มีคุณภาพ และได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานในประเทศและองค์กรสากล
ปัจจุบัน TNR ประกอบธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจัดเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยที่มีกำลังการผลิตติดตั้งมากที่สุดในประเทศไทยและเป็นรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก โดยมีโรงงานผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น 2 แห่ง ที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี รายได้เกือบทั้งหมดมาจากการผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัย โดยปี 2556 ถึงปี 2558 TNR มีรายได้จากการผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัย 1,030.7 ล้านบาท 1,162.2 ล้านบาท และ 1,271.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 97.9 ร้อยละ 98.3 และร้อยละ 97.7 ของรายได้รวม ตามลำดับ