นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) เปิดเผยว่า ยอดขายที่ดินในปี 60 คาดว่าจะใกล้เคียงกับยอดขายที่ดินในปีนี้ที่ 1,000 ไร่ ซึ่งมีโอกาสมากกว่าหรือน้อยกว่านั้นราว 10-20% โดยปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการขายที่ดิน คือ การเปิดโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor:EEC) จะเป็นตัวกระตุ้นการลงทุน ซึ่งพื้นที่ของโครงการดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ของนิมคมอุตสาหกรรมของบริษัทตั้งอยู่ในฉะเซิงเทราและชลบุรี และยังครอบคลุมไปถึงจังหวัดระยอง ทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์ดังกล่าวไปด้วย
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการญี่ปุ่นหลายรายมีแนวโน้มจะย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้น หลังเผชิญปัญหาด้านการลงทุนในประเทสจีน โดยปัจจุบันบริษัทได้มีการเจรจากับลูกค้าญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนิคมอุสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งมีแนวโน้มค่าที่ดินสูงขึ้น
รวมถึงผู้ประกอบการจีนจำนวนมากก็มีความต้องการขยายฐานการผลิตมายังประเทศไทยเพื่อเจาะตลาดอาเซียน โดยขณะนี้มีลูกค้าจากจีนที่ตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทจำนวน 80 ราย และคาดว่าในอีก 5-10 ข้างหน้าจะมีลูกค้าจากจีนเพิ่มเป็น 300-500 ราย
สำหรับแนวโน้มยอดขายที่ดินในปีนี้บริษัทยังมั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/59 บริษัทยังมีสัญญาการขายที่ดินที่รอเซ็นสัญญาอีก 600 ไร่ หลังจาก 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายที่ดินไปแล้ว 357 ไร่ ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าสิ้นปี 59 จะมียอดขายที่ดินรอรับรุ้รายได้ (Backlog) แตะ 4 พันล้านบาท จากปัจจุบันอยุ่ที่ 2.4 พันล้านบาท ซึ่ง Backlog จะรับรู้รายได้ในปี 60 ทั้งหมด
ด้านการขยายขนาดกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอมตะซัมมิทโกรท (AMATAR) บริษัทวางแผนนำสินทรัพย์ที่เป็นคลังสินต้าและพื้นที่เช่าขนาดพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร มูลค่า 4-5 พันล้านบาท ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเก็บรวบรวมคลังสินค้าและพื้นที่เช่าให้เป็นไปตามแผนที่จะนำสินทรัพย์ขายเข้ากอง AMATAR ในช่วงปลายปี 60 ด้วยการนำสินทรัพย์ขายเข้ากองเดิมที่มีอยู่เพื่อขยายขนาดกองให้ใหญ่ขึ้น มีความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินการ และประหยัดค่าใช้จ่าย