โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) จากคาดการณ์กำไรไตรมาส 4/59 มีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งมีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ทั้งสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อเอสเอ็มอี ตลอดจนสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์
นอกจากนี้ ธุรกิจในเมียนมาที่ปล่อยสินเชื่อรถแทรกเตอร์ใหม่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากความต้องการสินเชื่อที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในเมียนมา จำนวน 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรของ SAWAD ในปีนี้จะเติบโตได้อย่างดี เป็นไปตามการขยายตัวของสินเชื่อ ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ยังทรงตัวอยู่ระดับสูง
ราคาหุ้น SAWAD พักเที่ยงอยู่ที่ 41.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.61%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
เออีซี ซื้อ 65
โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 64
เอเชีย เวลท์ ซื้อ 61
เอเซีย พลัส ซื้อ 57
บัวหลวง ซื้อ 56
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 55
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 55
ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 55
นางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ "ซื้อ"หุ้น SAWAD ให้ราคาเป้าหมาย 55 บาท/หุ้น โดยมองว่าความต้องการสินเขื่อในไตรมาส 4/59 มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล โดยสินเชื่อค้ำประกันที่ดินได้รับความสนใจมากจากกลุ่มลูกค้ารายย่อยและกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี รวมถึงสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ที่บริษัทหันมาปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มองว่าทั้งปีนี้สินเชื่อคงค้างของ SAWAD จะอยู่ที่ 1.95 หมื่นล้านบาท โดย 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 4/59 จะเติบโต 6.6% จากไตรมาส 3/59 และเติบโต 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 579 ล้านบาท เป็นไปตามสินเชื่อที่เติบโตและรายได้ค่าบริการที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังคงประมาณการณ์กำไรสุทธิของ SAWAD ในปีนี้อยู่ที่ 1.98 พันล้านบาท หรือเติบโต 48% จากปีก่อน
ด้านนักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์กำไรสุทธิของ SAWAD ในไตรมาส 4/59 จะยังเติบโตดีและทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/59 ที่มีกำไร 543 ล้านบาท จากการเติบโตของสินเชื่อ ที่มาจากการขยายสาขาที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งในสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมด 2,100 สาขา จากสิ้นไตรมาส 3/59 บริษัทมีสาขาทั้งหมด 2,027 สาขา
นอกจากนี้ แนวโน้มของต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่กำลังจะหมดอายุ และธุรกิจในเมียนมาที่ปล่อยสินเชื่อรถแทรกเตอร์ใหม่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพราะความต้องการยังอยู่ในระดับสูง ซึ่ง SAWAD ได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในเมียนมาปีนี้ราว 500 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิในปีนี้เติบโตได้ 34% จากปีก่อน
นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย)มองว่า กำไรสุทธิของ SAWAD ในไตรมาส 4/59 จะเติบโตได้ 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 440 ล้านบาท จากแนวโน้มสินเชื่อในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่ยังเติบโตดี และมีสินเชื่อขนาดใหญ่ในกลุ่มสินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันมากขึ้น โดยปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่ 20% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ซึ่งเป็นลูกหนี้กลุ่มเอสเอ็มอี ที่มีความต้องการเงินทุนระยะสั้นมากขึ้น และเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้บริษัทไม่เป็นกังวลเรื่องหนี้เสียมากนัก
ทั้งนี้ ยังคาดว่ากำไรสุทธิของ SAWAD ในปีนี้เติบโต 37% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 1.83 พันล้านบาท จากการที่คาดว่าสินเชื่อรวมจะเติบโตได้ราว 30% และมี NIM ทรงตัวอยู่ระดับสูงที่ 26% จากความต้องการสินเชื่อของผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีดอกเบี้ยต่ำเพิ่มมากขึ้น ขณะต้นทุนการดำเนินงานแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จากการไม่เร่งขยายสาขามากนัก หลังจากมีสาขาเกือบครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว โดย SAWAD จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของสาขามากขึ้น