นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) คาดว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปีนี้เติบโต 60% สูงกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้เติบโตไม่น้อยกว่า 30% จากปีก่อน และคาดว่าปริมาณการขายน้ำมันทั้งปีจะเติบโตขึ้น 30% จากปีก่อน
ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากจะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว และเป็นช่วงจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้มีการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงบริษัท ยังคงเดินหน้าเพิ่มพันธมิตรทางการค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องภายใต้แบรนด์ PT Maxnitron เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ในราคาที่คุ้มค่า
นายพิทักษ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปี 60 รายได้จะเติบโตแตะระดับ 1 แสนล้านบาท บนสมมติฐานราคาขายปลีกน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 24 บาท/ลิตร หรือราคาน้ำมันดิบ ดูไบเฉลี่ยที่ 55-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปัจจุบันมีราคาขายปลีกน้ำมัน อยู่ที่ 22-23 บาท/ลิตร และตั้งเป้าภายใน 5 ปี (60-64) ปริมาณการขายน้ำมันจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% จากคาดระดับ 2.9 พันล้านลิตรในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามการขยายสถานีบริการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เช่น ร้านสะดวกซื้อ Max Mart ,ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และอื่น ๆ
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 60 ไว้ราว 4.5 พันล้านบาท โดยจะใช้ในธุรกิจน้ำมัน ราว 2.1 พันล้านบาท ในการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 350 แห่ง จากสิ้นปีนี้คาดจะอยู่ที่ 1,450 สาขา และใช้ขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย เพิ่มอีก 150 สาขา จากสิ้นปีคาดอยู่ที่ 70-80 สาขา ใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านบาท ,ขยายสาขาร้านสะดวกซื้อ เพิ่มอีก 150 สาขา ใช้เงินลงทุนราว 750 ล้านบาท ,เพิ่มจำนวนรถขนส่งน้ำมัน อีก 100 คัน ใช้เงินลงทุนราว 350 ล้านบาท รวมถึงตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสมาชิกบัตร Max Card อีก 1.8 ล้านสมาชิก โดยเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดในมือ ที่มีอยู่ 4.4-4.5 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อร่วมลงทุนเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ (Auto Care Service) ซึ่งจะแบ่งเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงรถขนาดใหญ่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/60 และรถขนาดเล็ก คาดว่าจะสามารถสรุปได้อย่างเร็วที่สุดในไตรมาส 1/60 หรืออย่างช้ากลางปีหน้า โดยน่าจะเปิดให้บริการในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน PT เบื้องต้น 4-5 สาขาก่อน โดยตั้งงบลงทุนราว 10-15 ล้านบาท และตั้งเป้าภายใน 5 ปี (60-64) จะขยายสาขาดังกล่าวเพิ่มเป็น 400 สาขา
พร้อมกันนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนกำไรในปี 64 มาจากธุรกิจน้ำมัน 85% และธุรกิจนอนออยล์ 15% ขณะที่ในปี 71 ธุรกิจน้ำมันน่าจะลดสัดส่วนลงมาไม่เกิน 40% ส่วนนอนออยล์จะขยับเพิ่มเป็น 60%
นายพิทักษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้เข้าลงทุนกับบริษัท เอี่ยมบูรพา จำกัด ในสัดส่วน 60:40 เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อ บริษัท อินโนเทค กรีน เอ็นเนอยี จำกัด เพื่อประกอบกิจการผลิต และจำหน่ายเอทานอล น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพจากกากน้ำมันสำปะหลัง หรือแป้ง หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวกับแป้ง โรงงานผลิตเอทานอล โรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าทุกประเภท
เบื้องต้นบริษัทจะดำเนินการในส่วนของโรงงานเอทานอลก่อน มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2 แสนลิตร/วัน ใช้งบลงทุนราว 1.2-1.5 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้งในช่วงไตรมาส 2/60 รวมถึงยังได้ศึกษาโอกาสลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนด้วย
สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้ ,กำไรสุทธิ และปริมาณการขายน้ำมัน จะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปีก่อนมีรายได้ที่ 5.37 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 650.72 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรกที่ผ่านมามีรายได้ 4.67 หมื่นล้านบาท และกำไร 766.83 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายน้ำมันก็มีการเติบโตขึ้น โดยคาดปีนี้น่าจะทำได้ราว 2.9 พันล้านลิตร โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 ก็น่าจะเติบโต จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น