นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) กล่าวว่า จะเปิดเจรจากับกลุ่มผู้ลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาถือหุ้นแล้วราว 10% เพื่อขอซื้อหุ้น IFEC คืน หวังรักษาสัดส่วนการถือหุ้นในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยยืนยันว่าจะไม่ทิ้งบริษัท และเตรียมดึงพันธมิตรจากจีนเข้ามาร่วมทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
"วันนี้ผมต้องการมายืนยันว่าผมจะไม่ทิ้งบริษัท จะยังคงบริหารงานอยู่ โดยขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินงานปรับโครงสร้างภายใน เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ให้ได้"นายวิชัย กล่าวกับผู้สื่อข่าว
นายวิชัย กล่าวว่า จากรณีที่มีผู้บริหารขายหุ้น IFEC ออกจำนวนรวม 15 ล้านหุ้นในช่วงที่ผ่านมาส่งผลทำให้ราคาหุ้นมีความผันผวนนั้น ทางผู้บริหารได้ทำเอกสารชี้แจงว่าการขายหุ้นออกดังกล่าว โดยเป็นเพียงการปรับสัดส่วนการลงทุนหลังจากเข้าซื้อสะสมหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ไว้เป็นจำนวนมากนับตั้งแต่ปลายปีก่อน
สำหรับการเข้ามาถือหุ้น IFEC ของกลุ่มทุนใหม่ ตามปรากฎในรายงานการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของ IFEC ในช่วงวันที่ 22-23 พ.ย.59 โดยนายทวิช เตชะนาวากุล และนายเทพฤทธิ์ เตชะนาวากุล รวมสัดส่วนการถือหุ้น 202.61 ล้านหุ้น คิดเป็น 10.22 % ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วนั้น นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทเตรียมเจรจาขอซื้อหุ้นคืนจากกลุ่มทุนใหม่เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้
อย่างไรก็ตาม นายวิชัย ระบุว่าขณะนี้ตนเองยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน IFEC แต่จำไม่ได้ว่าถืออยู่ในสัดส่วนเท่าไหร่
พร้อมกันนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในประเทศจีน คือ บริษัท กวางสี อีฟาน จำกัด (GUINGXI YIFAN) ซึ่งทำธุรกิจเหมืองแร่เพื่อเข้ามาร่วมลงทุนใน IFEC ซึ่งพันธมิตรจีนมีเงื่อนไขว่าผู้บริหารของ IFEC จะต้องถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% โดยการเข้ามาของพันธมิตรจีนจะช่วยสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนในการลงทุนโครงการต่างๆ เบื้องต้นมีความสนใจที่จะลงทุนด้านพลังงานทดแทน เช่น ลม และขยะ รวมไปถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ส่วนการจะเข้ามาในลักษณะใดนั้น บริษัทยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากยังต้องมีการเจรจากันอีกครั้งหนึ่ง และยอมรับว่ามีโอกาสความเป็นไปได้ที่พันธมิตรจีนจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
"เราต้องการมาเปิดตัวพันธมิตรใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในจีน ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเหมืองแร่ โดยเขามีความสนใจพลังงาน และตั้งใจที่จะลงทุนในไทย และเราก็มีการเจราจากันมาพอสมควร โดยแน่ชัดแล้วว่าทางจีนจะเข้ามาถือหุ้น แต่ต้องมีเงื่อนไขว่าจะต้องให้เราถือหุ้นไม่น้อยกว่า 30% ซึ่งจีนถือว่าเป็นกลุ่มทุนสูง น่าจะเข้ามาสนับสนุนโครงการต่างๆให้มีการขับเคลื่อนไปได้ อย่างไรก็ตามเรายังไม่ได้กำหนดว่าจะเข้ามาซื้อหุ้นในรูปแบบใด แต่จะพยายามไม่เพิ่มทุน"นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมหามืออาชีพเข้ามาเสริมทัพทีมผู้บริหาร เพราะหากซึ่งผ่านมาผลการดำเนินงานปกติของบริษัทประสบปัญหาขาดทุน หากไม่นับรวมรายการพิเศษ และยังมีปัญหาหนี้สิน ซึ่งก็จะต้องกลับมาดูว่าผู้บริหารทำงานดีหรือไม่ ถ้าไตรมาส 1 ไม่ดี ไตรมาส 2 ไม่ดี ไตรมาส 3 ก็ยังไม่ดีขึ้น ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารรายดังกล่าวก็ยังคงปฎิบัติงานอยู่