นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล. เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (1 ธ.ค.) ตลาดหุ้นคืนที่ผ่านมาและเป็นตัวแปรที่ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ซึ่งผลการประชุมทยอยออกมาตั้งแต่เย็นวานนี้ และมีผลต่อตลาดหุ้นไทยไปแล้ว (หุ้นน้ำมัน มีผลต่อ SET Index 3.69 จุด)
ทั้งนี้ ผลที่ออกมาสร้างความแปลกใจให้กับนักลงทุน เพราะไม่คาดว่าจะลดกำลังผลิตน้ำมันได้มากขนาดนี้ กล่าวคือ OPEC ปรับลด 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน และกลุ่มนอกโอเปค (Non-OPEC) อีก 6 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเรากำลังรอการยืนยันจากกลุ่ม Non-OPEC เนื่องจากมีเพียงรัสเซียประเทศเดียวที่ประกาศจะลดกำลังผลิตลง 3 แสนบาร์เรลต่อวัน
ผลการประชุม OPEC ที่ surprise ตลาดแบบนี้เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะขึ้นไปได้ถึง $60 เหรียญเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการปรับโควต้าการผลิตน้ำมันของ OPEC ครั้งแรกในรอบหลายปี และเป็นครั้งแรกที่จะมีกำหนดโควต้าการผลิตของผู้ผลิตนอกกลุ่ม OPEC แม้จะเป็นเพียงบางประเทศ แต่ก็ถือเป็นการร่วมมือที่ดี ซึ่งจะทำให้ต่อจากนี้ไปน่าจะเห็นการร่วมมือกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน แบบนี้ เป็นบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมันอย่างมาก
สำหรับหุ้นกลุ่มที่ เป็นบวกจากผลการประชุมครั้งนี้ นอกจากผู้ผลิตน้ำมัน คือ โรงกลั่นน้ำมัน ผู้ผลิตไฟฟ้า (ที่อิงรายได้กับค่า F/T) และหุ้นสายสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มโลหะ ขณะที่ฝั่งลบ จะเป็นผู้ใช้น้ำมันหรือวัตถุดิบที่อิงราคาน้ำมัน
ส่วนปัจจัยประเทศ จะยังเป็นมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่คาดว่าจะทยอยออกมาเรื่อยๆ รวมทั้งการเร่งใช้จ่ายของหน่วยงานภาครัฐฯ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งจากแนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังของผู้บริโภคที่จะเริ่มกลับเข้ามา ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ จึงมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าต่อจากผลการประชุมผู้ผลิตน้ำมัน และปัจจัยในประเทศ เป็นแรงส่งให้นักลงทุนกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง
"ดัชนีฯ ที่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นวันนี้น่าจะเป็นวันของหุ้นขนาดใหญ่มากกว่าหุ้นเล็ก นำโดยกลุ่มที่ได้จากประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นหลัก นักลงทุนที่ต้องการเข้าถือเพื่อลงทุน ยังแนะนำให้ทยอยเข้าซื้อหุ้น สำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่แนะนำได้แก่ PTT , SCB , KTB , AOT , VGI , CHG , PAP"